ผ้าใบวาดรูปเปล่า ๆ มันดูจะน่ากลัว แล้วเราควรจะเริ่มกับมันยังงัย เรามีวิธีแนะนำที่จะให้อยู่จับความคิดใส่ลงไป
1.ใส่ภาพเล็กที่มีความละเอียดน้อยลงไปก่อน เมื่อจะใช้ภาพในให้ใส่ภาพที่มีความละเอียดสูงเข้าไป
2.การเปรียบเทียบ เชิงอุปมาอุปมัยว่า
หัวข้อ และการอุปมาอุปมัยสิ่งที่ดีสำหรับไอเดียและฉันก้อพยายามที่จาพัฒนาไอเดีย จากการมองแบบประสบการณ์หรือสิ่งใกล้ตัว
อีกทั้งมุมองของการออกแบบ อย่างการจัดระบบสีและรูปแบบของโครงสร้าง ถ้าคุณเจอเข้ากับหัวข้อที่เหมาะกับคุณนั้นคือโอกาสของคุณเลย
3.จากคำสู่ภาพ
เมื่อฉันได้รับมอบหมายหน้าที่ สิ่งแรกหน้าที่ฉันจะทำคือการอ่านมันและขีดเส้นใต้วลีที่สำคัญ แล้วก้อจาวาดรูปเล็ก ๆ ประกอบลงไปเพื่อหา
เอกลักษณ์หรือหาประเด็นของเนื้อหาของมัน
4.ฉันจะแนะนำการดำเนินงานด้านแบรน ก็เหมือนการออกแบบสมาคมธุรกิจ ความคิดแบรนนั้นสำคัญ มันเป็นกำลังใจให้คุณพัฒนา
ไอเดียให้มองเห็นภาพได้ชัดมากขึ้นหรือช่วยพัฒนาในการหาจุดเล็ก ๆ ที่มันซ่อนอยู่ในไอเดียของคุณและทำให้มันง่าย เพราะถ้าทำให้
ซับซ้อนเกินไปเราก้อจะไม่สามารถทำงานได้
5.เมื่อระดมความคิดแล้วสรุปให้สั้น เมื่อมีไอเดียแล้ว มันจำเป็นที่จะย่อให้สั้นและกระทัดรัดเมื่อแวดล้อมไปด้วยเพื่อนร่วมงาน แต่ความลับ
คือเก็บความคิดแต่ละคนจดไว้ถ้าเป็นไปได้ ประชุมกันเยอะ ๆ ดีกว่าที่จะมานั่งคนเดียว
6.ใช้สมุดสเก็ต โดยปกติแล้วฉันจาเขียนไอเดียหรือวางแผนในสมุดเอสี่ ที่ฉันนำติดไว้ด้วยตลอดเวลา ทุกไอเดียจาอยู่ในนั้นและไอเดียเหล่านั้น
ก้อจาถูกนำมาใช้
7.หนีห่างจากหน้าคอม
สิ่งที่เลวร้ายที่สุดคือการนั่งอยู่หน้ากระดาษวาดภาพเปล่า ๆ บนหน้าจอ เดินออกไปจากเก้าอี้และใช้เวลาสัก สิบนาทีสูดอากาศสดชื่น
8.เข้ารวมอภิปรายปัญหา
ถ้ามีเพื่อนเป็นนักออกแบบ เป็นเรื่องที่ดีเลยทีเดียว ให้ลองพูดคุยหรือถกปัญหาเกี่ยวกับงานศิลปะดู มันจาทำให้ไอเดียโลดแล่นมากขึ้น
9.อาบน้ำ
ฉันคิดไอเดียได้มากเวลาอาบน้ำ ไอเดียดี ๆ มักจะออกมาพร้อมกับฟักบัวเสมอ
10.นำงานของคุณเก็บเข้าบัญชีไว้เพราะคุณอาจจาต้องการมันมันใช้ในงานของคุณและมันอาจจะสำคัญมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็น
ภาพถ่าย ภาพ งานทรีดี หรือชาร์ต หรือ ไดอแกรม ก็ตาม
การฝึกฝนคือสิ่งที่ดีที่สุด
11.เก็บไว้ใน library
เมื่อทำงานด้วยไฟล์แฟลต ฉันจาให้ความสนใจกับเลเยอร์แล้วก้อเรื่องของซิมโบ และทุกครั้งฉันจาเก็บงานไว้ใน library ที่จาเก็บ
timers, loopers, buttons, code snippets and symbolsฉันใช้มันทุกครั้ง และทำให้งานเสร็ดได้ไหวขึ้น
12 WEB STANDARDS
เมื่อออกแบบเว็บไซด์ คุณสามารถ save load จาก Firefox เช่น พัฒนาเว็บ HTML Validator and Fangs
จะช่วยประหยัดเวลาได้มากขึ้น
13.มั่นเข้าเว็บบ้าง เช่น pixelsurgeon.com หรือ designiskinky.com และก้ออ่าน Computer Arts อย่าเพียงแต่ดูงานของคนอื่น
คุณควรรู้เกี่ยวกับอุตสาหกรรมหรือก้าวให้ทันทางด้านซอฟแวร์ อย่าทำตัวล้าหลังเหมือนที่นักออกแบบคนอื่นทำกัน และอย่าทำเพียง
แค่ตามกระแส
14.ทำให้ง่ายเข้าไว้ และไม่ซับซ้อน
15.บันทึกสิ่งที่ทำ
ถ้าใช้ Photoshop บ่อย ๆ มันจำเป็นมากที่บันทึกสิ่งที่เราทำไว้ ฉันแค่เรียนรู้เทคนิดอันนี้มันทำให้ประหยัดเวลาได้มากเลยทีเดียว
16.เชฟแล้วก้อเซฟ เซฟ
เชฟงานเสมอทุกครั้งที่กำลังทำถ้าเป็นไปได้ 17.ให้ลูกค้าเปลี่ยน ขนาดหรือฟอลแมตในครั้งสุดท้าย และอย่า flatten layers ใน
Photoshop จนกว่างานจะเสร็จ
18.ไม่มีการเรียกร้องโดยไม่รับการอนุญาติจากหัวหน้า
19.ถูกต้องตั้งแต่ครั้งแรก การเจอปัญหากับลูกค้าที่ไม่แน่นอนเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ สำหรับนักออกแบบเว็บต้องค่อนข้างมีความ
แน่นอนทางด้านกระบวนการ ถึงแม้ว่างานนั้นจะลำบากแค่ไหน คุณต้องทำงานให้ถูกตั้งแต่ครั้งแรกแล้วคุณจะมั่นใจได้ว่าจะได้รับ
งานจากลูกค้าคนเดิม20.ฝึกไว้ให้สมบูรณ์แบบ งานที่มากก้อต้องใช้เวลากับโปรแกรมมากมันจะทำให้คุณเณ้วขึ้นและมีประสิทธิภาพ
มากขึ้นคุณไม่ได้เพียงเรียนรู้จากสิ่งที่ผิดพลาดและมันจาช่วยให้งานมีคุณภาพมากขึ้น
ทักษะทางด้านซอฟแวร์
คนทำงานที่ไม่ดีจะโทษเครื่องมือของเค้า ต้องแน่ใจว่าซอฟแวร์ของคุณทำงานให้ตุณและไม่ได้ต่อต้านคุณ
21.ฝึกใช้ ALPHA CHANNELS ใน PHOTOSHOP
22.ซื้อแรมเพิ่มให้มากที่สุดถ้าเป็นไปได้ เพราะการทำทำงานต้องใช้แรมจำนวนมาก
ตั้งแต่งานเล็กจนถึงงานช้าง
23. .ฝึกใช้ GRADIENTS ใน PHOTOSHOP
24.แยกเลเยอร์ให้เยอะ เกิดความผิดพลาดจะได้แก้ง่าย ๆ
25 ปรับ Opacity ให้น้อยลง และเพิ่ม Gaussian Blur แล้วรวมเข้าด้วย Clipping Mask ใน Illustrator จะได้ airbrush ที่ใน PHOTOSHOP ทำไม่ได้
26.อย่าใช้ GRADIENTS สีดำไล่ไปสีเขียวใน flash เพราะมันดูน่าเกลียด
28.ใช้เทคนิค vector image แทน Layer Group colours และ Shy Layers
29.การใช้ filters หรือ effects เฉย ๆ อาจจะดูง่ายไป ลองใช้ filters หรือ effects ดูแล้วปรับเปลี่ยนให้ดูแปลกตาไม่เหมือนใครมากขึ้น
30.คิดบนกระดาษ ให้คิดไอเดียแล้วเขียนลงบนกระดาษ แล้วสแกนออกมาแล้ว เทคนิคของฉันที่คิดด้วยปากกาและกระดาษเป็นอย่างแรก แล้วถึงใช้คอมพิวเตอร์
มันจะช่วยให้งานมีน้ำหนักมากขึ้น
งานและกลเม็ด ‘put the cherry on top’
สายตาคุณเป็นสิ่งสุดท้ายที่จะตรวจสอบงานและรายละเอียด และระหว่างชิ้นงานที่ดีและดีเยี่ยม คุณจะเรียนรู้อย่างไรที่จะเก็บผลงานที่ดีเยี่ยม
31.เดินออกไป ฉันดูว่างานฉันมันเสร็จสมบูรณ์แล้วและฉันก้อจากมันไปทั้งวันถ้าฉันทำได้ บางครั้งเวลามันก้อทำให้บางสิ่งมันเสร็จสมบูรณ์เอง
แล้วฉันจะเห็นข้อผิดพลาดของงานแล้วจะกลับไปแก้อีกครั้ง
32. ACROBATICS ตรวจงานให้ละเอียดทุกครั้งใน Adobe Acrobat Professional
33.ลองให้คนอื่นดูงานของเราเพราะบางทีสายตาของเค้าอาจจะเห็นได้ละเอียดกว่าเรา
34.กลับไปดูสิ่งที่เราจดไว้กับสิ่งที่เราคิด ตรวจว่าเราพบอะไรอยู่ในงานที่สำเร็จ
35.พอคือพอ
มันสำคัญมากเมื่อรูว่าทำเสร็จ แล้วเมื่อไหร่ควรหยุด มันเสี่ยงเกินไปที่จะทำมันไปเรื่อย ๆ
36.การปริ้นงานที่ดีเป็นดีที่ดีเยี่ยม เมื่องานออกมาจากเครื่องคอมพิวเตอร์ มีหลายคนที่ต้องทำงานไม่สำเร็จกับโลกของดิจิตอล
37.เพิ่มพื้นผิว
ฉันใช้ความรู้สึกมาใส่ในงาน พื้นทำให้เรารู้สึกได้และมันทำให้งานออกมาสมบูรณ์มากขึ้น แต่มันเป็นแค่เทคนิคส่วนตัวของฉัน
38.การเตรียมพร้อม เรียนรู้เกี่ยวกับเครื่องที่จะใช้งานและพยามเรียนรู้สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับคุณและงานของคุณ แน่ใจว่างานคุณจะไม่เสียหาย
39.การเพิ่มเงา
การเพิ่มเงาทำให้ดูเป็นวัตถุมากขึ้น และทำให้งานดูดีเป็นเงางาม
40.ตรวจสอบงานว่าถูกต้อง งานที่คิดว่าเสร็จสมบูรณ์แล้วให้ถอยหลังกลับไปดูจนกว่าคุณจะรู้สึกขยาด ตรวจทุกความละเอียดของมัน
ลดหรือเพิ่ม effect บางตัว
สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง
การเรียนรู้จากสิ่งที่ผิดพลาด 10สิ่งที่คุณควรหลีกเลี่ยงเมื่อทำงานกับลูกค้า
41.อ่านแล้วอ่านอีกเมื่อคุณเขียนอีเมล อย่าได้ใส่ที่อยู่จนกว่าจะแน่ใจจิง ๆ ว่าถูกต้องให้กลับไปอ่านว่าคุณเขียนอะไรลงไปสักสองครั้ง
มีคนจำานวนมากที่กลัวกับการส่งเมลไปใครสักคน กับในสิ่งที่พวกเค้าไม่ต้องการส่งอย่าให้เป็นคุณเลย เพราะมันเป็นไปไม่ได้ที่จะยกเลิกส่ง
การส่งเมล
42.อย่าไว้ใจให้คอมตรวจคำผิดอย่าไว้ใจให้เครื่องของคุณตรวจคำผิด ทุกครั้งฉันจะตรวจอย่างระมัดระวัง แล้วหาใครสักใครมาตรวจ
อีกครั้ง เพราะว่าคุณอาจจะเป็นญาติห่าง ๆ กับคอมก้อได้
43.การทำงานกับลูกค้าทุกคนรู้ที่จะคิดนอกกล่องความคิด แต่ในวงกลมของความคิดสร้างสรรค์ สิ่งที่ดีเยี่ยมอย่างแท้จริงมาจากการค้นหา
วิธีแก้ปัญหาข้างในกล่องที่ลูกค้าสร้างขึ้น อย่ามองเพียงแต่ปัญหาภายนอก แต่ต้องมองที่ล่องรอยของปํญหาและแก้มัน คือให้เรามอง
ที่ปัญหาอย่างแท้จริงไม่ใช่แค่ผิวเพิน
44.ให้เราเลือกงานที่จะรับ ให้เราเลี่ยงงานที่เราไม่สามารถทำได้ เลือกงานของลูกค้าเหมือนที่ลูกค้าเลือกคุณ
45.อย่าคิดเอาเองในสิ่งต่าง ๆ
46.แสดงถึงการกระทำของคุณฉันเคยได้ทำงานกันลูกค้าแฟชั่นแบรนประมาณ 2-3 ราย เมื่อไม่นานมานี้ และ พวกเค้าก้อดูเหมือนเป็นลูกค้า
ที่ดีที่สุดในโลก แต่ ฉันคิดว่าถ้าคุณจาเตรียมเหตุผลดี ๆ สำหรับสิ่งที่คุณทำและอาจจาเตรียมวิธีแก้ปัญหาไว้ให้มากๆ เพื่อความต้องการของ
พวกเค้า เพราะคุณจะเป็นฝ่ายที่ควบคุเค้า
47. Design history.ฉันไม่เคยประสบปัญหาอะรัยทั้งนั้น แต่มีสิ่งหนึ่งที่ฉันทำอยู่เสมอคือการ แบลคอัพ ไฟล์ไว้ เก็บไอเดียต้นฉบับของคุณ
ไว้เพราะคุณอาจจะต้องใช้มัน บางทีคนเราก้ออาจจะเปลี่ยนใจได้ง่าย ๆ พอ ๆ กับเปลี่ยนกลับมาใช้อันเดิม
48. เวลาทำงานกับลูกค้า ให้เราอยู่เหนือความคิด คือเวลาขายงานต้องทำให้เค้ายอมรับเราให้ได้
49.เมื่อทำงานกับลูกค้าใหม่ ๆ ต้องเปลี่ยนมุมมองของตัวเองหรือว่าเปลี่ยนไปสู่สิ่งที่เกี่ยวข้องในสิ่งที่ทำ
50.เวลาจะตอบโจทย์อะไรสักอย่างให้คำนึงถึงโจทย์นั่น แล้วต้องตอบให้ตรงประเด็น
สนับสนุนโดย http://www.captuscom.com
ที่มา http://guru.sanook.com/pedia/topic/50_วิธีสู่การเป็นการออกแบบที่ดีกว่า_/
50 วิธี เยอะมากกว่าจะเป็นนักออกแบบที่ดีได้ แต่สิ่งสำคัญที่สุดของการเป็นนักออกแบบ คือ ต้องไม่เลียนแบบ หรือ copy คนอื่นเค้ามา !!
ตอบลบศิริมา 881(note) :D *
ทุกอาชีพ เราควรจะเริ่มต้นจากการเปงคนดี ซื่อสัตย์ มีจรรยาบรรณในอาชีพที่ทำ เพียงแค่นี้ คุณก็สามารถที่จะเปงนักออกแบบที่ดี รวมทั้ง อาชีพอื่นๆ ด้วย
ตอบลบโดย สุภาพร แซ่แต้ 51040886
เป็นคำแนะนำที่ดี แต่เหนือสิ่งอื่นใด เราต้องได้ลงมือทำจึงจะประสบความสำเร็จ ชอบวิธี “ อย่าคิดเอาเองในสิ่งต่าง ๆ” และ “การเตรียมพร้อม เรียนรู้เกี่ยวกับเครื่องที่จะใช้งานและพยายามเรียนรู้เป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับคุณและงานของคุณ แน่ใจว่างานคุณจะไม่เสียหาย”
ตอบลบเฉลิมขวัญ ส่งศรีจันทร์ (ขวัญ )