ตลอด 3 เดือนที่ผ่านมา (สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 54) เลอโนโวระบุว่าสามารถทำกำไร 108 ล้านเหรียญหรือประมาณ 1.11 เซนต์ต่อหุ้น คิดเป็นสัดส่วนเพิ่มขึ้นถึง 98% จากปีก่อนหน้านี้ เฉพาะยอดขาย เลอโนโวระบุว่ามีสัดส่วนเพิ่มขึ้น 15% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีที่แล้ว เบ็ดเสร็จมีมูลค่ายอดขายรวม 5.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ ส่งให้ส่วนแบ่งตลาดเลอโนโวบนเวทีโลกอยู่ที่ 12.2%
เลอโนโวย้ำว่ายอดขายหลักของบริษัทมาจากกลุ่มประเทศเกิดใหม่ ทั้งหมดนี้ทำให้เลอโนโวมีแผนลงทุนต่อเนื่องเพื่อรองรับการเติบโตในตลาดเกิดใหม่เหล่านี้รวมถึงการเพิ่มความสามารถในการทำกำไร
ที่ผ่านมา เลอโนโวไม่เพียงจำหน่ายแต่คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล แต่ยังวางจำหน่ายสมาร์ทโฟนราคาประหยัด รวมถึงอุปกรณ์พกพาอย่างแท็บเล็ตซึ่งทำให้เลอโนโวเป็นคู่แข่งของทั้งแอปเปิล ซัมซุง เอชทีซี โดยแม้เลอโนโวยังไม่สามารถคว้าส่วนแบ่งตลาดแท็บเล็ตในจีนไปครองได้มากเท่าแอปเปิล แต่เลอโนโวตั้งเป้าว่าจะสามารถเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดได้เป็น 20% ในปีนี้
เฉพาะจีน อัตราการเติบโตของยอดขายเลอโนโวในแดนมังกรอยู่ที่ 23.4% ขณะเดียวกัน เลอโนโวยังทำตลาดได้ดีในแอฟริกา ลาตินอเมริกา และพื้นที่อื่นๆซึ่งมีอัตราเติบโตถึง 45.7% โดยในอเมริกาเหนือ เลอโนโวมีอัตรายอดขายเติบโต 30.8% ขณะที่ในญี่ปุ่นนั้นอัตราการเติบโตอยู่ที่ 14% ทั้งหมดสามารถชดเชยยอดขายที่ไม่หวือหวาในตลาดอเมริกาและยุโรปได้
จุดนี้เลอโนโวระบุว่าสามารถทำกำไรในตลาดอเมริกาและยุโรปได้ 77 ล้านเหรียญสหรัฐในไตรมาสที่ผ่านมา ถือว่าสวยงามมากเมื่อเทียบกับการขาดทุน 9 ล้านเหรียญในปีที่แล้ว ทั้งหมดนี้เชื่อว่าเป็นผลจากการเข้าซื้อบริษัท Medion AG ผู้ผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภครายใหญ่ของเยอรมนี ซึ่งทำให้เลอโนโวสามารถตีตลาดได้มากกว่าเดิม เช่นเดียวกับการร่วมทุนกับ NEC ซึ่งทำให้เลอโนโวมีภาษีดีขึ้นในตลาดญี่ปุ่น
***เดลล์เซ็งยอดขายพลาดเป้า
ก่อนการประกาศผลประกอบการงดงามของผู้ผลิตพีซีอันดับ 3 ผู้ผลิตพีซีอันดับ 2 ของโลกอย่างเดลล์ก็ประกาศผลกำไรเพิ่มขึ้นช่วงเดือนเมษายน-มิถุนายนเช่นกัน เดลล์ระบุว่าสามารถทำรายได้ 1.57 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐตลอด 3 เดือน คิดเป็นกำไรสุทธิ 890 ล้านเหรียญ เพิ่มขึ้น 63% จากไตรมาสเดียวกันในปีที่แล้ว
แม้ตัวเลขกำไรจะเป็นไปตามเป้าหมายที่นักวิเคราะห์คาดไว้ แต่ในมุมรายได้ของเดลล์นั้นไม่เป็นไปตามที่หลายฝ่ายประเมินไว้ ทั้งหมดนี้เป็นเพราะสินค้ากลุ่มสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตของเดลล์ไม่ได้รับการตอบรับเท่าที่ควร เช่นเดียวกับสินค้ากลุ่มระบบไอทีในองค์กร ซึ่งเติบโตน้อยกว่าที่คาดการณ์เพราะนโยบายรัดเข็มขัดขององค์กรในสหรัฐฯ ทั้งหมดทำให้เดลล์ปรับลดตัวเลขคาดการณ์รายได้ในช่วงครึ่งปีหลังลง เหลืออัตราเติบโตที่ 1-5%
เหนืออื่นใด เดลล์ยังมั่นใจว่าสินค้าในกลุ่มธุรกิจศูนย์ข้อมูลหรือ Data Center จะยังทำกำไรต่อเนื่องจนสามารถเป็นธุรกิจยุทธศาสตร์ของเดลล์ตลอดปีนี้ แม้จะมีความกังวลเรื่องวิกฤตเศรษฐกิจโลกรออยู่
ผู้โพสนะค่ะ ^^
(น.ส. ชุติมา สิงห์เส .. 'อ๋อหรอ')
ผู้ที่สนใจสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ :: http://www.bcoms.net/news/detail.asp?id=12036
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น