วันอังคารที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2554

แนวทางแก้ปัญหาเครื่องคอมพิวเตอร์ช้า 10 ประการ

     แนวทางที่แนะนำต่อไปนี้เป็นการแก้ปัญหาเกี่ยวกับเครื่องช้า หากเจอปัญหาเครื่องคอมพิวเตอร์ช้า หรือ มีอาการข้างต้นดังที่จะกล่าวในตอนต่อไปนี้ จากการใช้งานคอมพิวเตอร์ปกติในชีวิตประจำวันนั้นต้องเจอกับปัญหานานา นับประการ ไม่ว่าจะมาจากตัวผู้ใช้เอง หรือ เกิดจากตัวเครื่อง วิธีการใรการแก้ปัญหาเป็นสิ่งสำคัญที่ควรจะรู้ และทราบเป็นอย่างยิ่ง จริงๆ แล้วการที่เราพิถีพิถันเลือกดูสเปก หรือโน้ตบุ๊กนั้น เราๆ ท่านๆ ก็มักจะดูสเปกเผื่อเอาไว้สำหรับอนาคตกันอยู่แล้ว ส่วนใครจะเผื่อมากเผื่อน้อยก็อยู่ที่งบประมาณเท่านั้นเอง แต่การที่คอมพิวเตอร์ของเรานั้นกลับทำงานได้ช้าลง ช้าลง และช้าลงทุกวัน นับตั้งแต่เราซื้อมันมาใช้งานนั้น สาเหตุอานไม่ได้มาจากความเก่าของตัวฮาร์ดแวร์ภายในเพียงอย่างเดียว การดูแลรักษาและการจัดการข้อมูลในคอมพิวเตอร์ของเราเอง ก็มีส่วนสำคัญอย่างมาก ที่จะทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์สุดที่รักของเรา อยู่คู่กับเราไปนานๆ เท่าที่เราหวังไว้ มาลองดูดีกว่าครับว่า ปัญหาหลักๆ ของการที่คอมพิวเตอร์ตัวเก่งเริ่มออกอาการงอแง หรือออกอาการชราภาพก่อนวัยอันควรนั้น มีสาเหตุหลักๆ อะไรบ้าง และจะมีหนทางแก้ไขอย่างไร

เคยมีการสำรวจแล้วพบว่า กว่า 70% ของปัญหาที่ทำให้คอมพ์เกิดอาการรวน แฮงก์ เดี้ยง หรือช้านั้น มาจากซอฟต์แวร์ ไม่ใช่ฮาร์ดแวร์อย่างที่หลายคนเข้าใจ และกว่า 50% ของปัญหาที่เกิดจากซอฟต์แวร์นั้นมาจากการที่ผู้ใช้ทำการติดตั้งโปรแกรมเอา ไว้มากเกินไป และมีโปรแกรมที่ทำงานซ้ำซ้อนกันหลายตัว
ถ้าพร้อมแล้วเริ่มสำรวจกันด่วนเลยครับ ว่าปัญหาของเราเข้าข่ายนั้นหรือเปล่า? โดยกดคลิ้กเข้าไปที่ Control Panel และไปตรวจสอบที่ Add or Remove Programs ว่าเรานั้นได้ทำการ Install โปรแกรมต่างๆ ไว้เกินความจำเป็นหรือไม่? มีโปรแกรมอะไรบ้างที่ทำงานซ้ำซ้อนกัน มีโปรแกรมประเภท Media Player ทั้งหลายนี้แหละครับ ไม่ว่าจะเป็น RealPlayer, Quicktime, iTunes, WinAmp หรือแม้แต่ WinDVD กับ PowerDVD เองก็ตาม  โปรแกรมเหล่านี้มักมีความสามารถเหมือนๆ กัน มีความแตกต่างกันในความสามารถที่จะรองรับไฟล์เฉพาะบางตัว จึงทำให้หลายคนต้องลงโปรแกรมเหล่านี้ลงไปในคอมพิวเตอร์พร้อมกัน
ไฟล์ นามสกุล rm, rmvb, mov, avi, divx, wmv และ mpeg ถือเป็นฟอร์แมตมาตรฐานสำหรับไฟล์วีดีโอในปัจจุบัน โดยเฉพาะ avi และ divx  ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา อย่างที่กล่าวมาข้างต้นครับ  โดยปกติหากต้องการให้เครื่องของเรานั้นสามารถเล่นไฟล์วีดีโอเหล่านี้ให้ได้ ครบทุกตัว  อาจต้องลงโปรแกรมถึง 4-5 ตัวทีเดียว  อันที่จริงหากเราลอง Search ดูจากในอินเทอร์เน็ตจะพบว่าเราไม่จำเป็นต้องทำอย่างนั้นก็ได้  เพราะจะมีโปรแกรมบางตัวที่เราอาจไม่คุ้นหูนักสามารถรองรับไฟล์เหล่านี้ได้ ครบถ้วนแถมยังฟรีอีกต่างหาก  อย่างโปรแกรม K-Lite Codec Pack (www.free-codecs.com) ที่ได้มีการรวบรวม codec สำหรับไฟล์มีเดียต่าง ๆ จากทั่วทุกมุมโลกไว้อย่างครบถ้วน แถมยังมีตัว Media Player Classic เอาไว้สำหรับเล่นไฟล์มีเดียเหล่านั้นอีกด้วย  เรียกว่าลงโปรแกรมเดียว รองรับไฟล์มีเดียได้ครบทุกฟอร์แมตกันเลย
   ย้อนกลับมาที่โปรแกรมพื้น ฐานของระบบปฏิบัติการวินโดวส์อย่าง Windows Media Player กันบ้าง ซึ่งหลายคนละเลยที่จะทำความรู้จักกับโปรแกรมตัวนี้    ทั้งๆ ที่มันก็ไม่ได้มีประสิทธิภาพด้อยไปกว่าโปรแกรม Media Player   อื่นๆ เลยโดยเฉพาะในเวอร์ชันล่าสุด   WindowsMediaPlayer11  (www.microsoft.com/Windows/windowsmedia/player/11/default.aspx) ที่สามารถดาวน์โหลดได้ฟรีจากไมโครซอฟท์  ได้มีการพัฒนาขึ้นมามาก มีความสามารถในการเล่นภาพยนตร์จาก CD/DVD ได้ไม่น้อยหน้า PowerDVD หรือ WinDVD
ส่วนในการเล่นไฟล์เพลงอย่าง MP3 ยอดนิยมนั้น ก็ทำได้ไม่แพ้ iTunes และอาจเรียกได้ว่าดีกว่า WinAmp แล้วด้วยซ้ำไป  ซึ่งถือว่า Windows Media Player 11 เป็นทางเลือกที่ดีมาก ๆ ที่จะเลือกไว้เป็นโปรแกรมสำหรับเล่นภาพยนตร์จากแผ่น CD/DVD และเล่นไฟล์เพลงดิจิตอลบนคอมพ์ของคุณโดยไม่จำเป็นต้องติดตั้งโปรแกรมอื่นให้ เสียเวลา ยังมีโปรแกรมอีกหลายตัวที่หลายคนนิยมติดตั้งไว้ในคอมพ์และ ทำหน้าที่ซ้ำซ้อนกัน อย่างโปรแกรมประเภทบีบอัดไฟล์  ที่เมื่อพูดถึงทุกคนมักนึกถึง WinZip  แต่ปัจจุบันหากใครเป็นเซียนดาวน์โหลดสักหน่อย  จะพบว่าอีกฟอร์แมตที่มักได้รับความนิยมคือ .rar ซึ่งก็ไม่ใช่ฟอร์แมตอะไร โปรมแกรมที่สามารถใช้เปิดไฟล์นามสกุลนี้ได้คือ WinRAR และหากมองดูในความสามารถกันจริง ๆ WinZip และ WinRAR ต่างทำหน้าที่เหมือนกันคือ บีบอัด และคลายไฟล์ ต่างกันเพียงความสามารถในการรองรับไฟล์ฟอร์แมตเท่านั้นเอง


คำแนะนำ จากผมคือ ให้เลือกติดตั้งเพียงตัวเดียว  คุณจะพบว่าหน้าต่างของ context menus เวลาที่คลิ้กขวาจะมีทั้งฟังก์ชันจาก WinZip  และ  WinRAR (www.rarlab.com) นั่นเอง สาเหตุเพราะมันรองได้ฟอร์แมตได้ทุกตัวที่ Winzip สามารถรองรับได้แถมยังรองรับได้มากกว่าอีกด้วย นี่ เป็นเพียงตัวหลักๆ เท่านั้นนะครับ อย่าลืมสำรวจดูในคอมพ์ของคุณก็แล้วกันว่า เราได้ติดตั้งโปรแกรมอะไรลงไปแล้วไม่ค่อยได้ใช้งาน หรือได้ติดตั้งลงไปหลายตัวและมีการทำงานที่คล้ายคลึงหรือซ้ำซ้อนกันหรือไม่? เลือกที่จะลบออกไปบ้าง  จะทำให้เนื้อที่ในฮาร์ดดิสก์ของคุณเพิ่มขึ้น รวมถึงเครื่องก็จะมีเสถียรภาพและความเร็วในการทำงานเพิ่มขึ้นด้วยครับ
     วิธีแก้เครื่องช้า ประการที่ 2 ดูแลรักษาและจัดระเบียบฮาร์ดดิสก์กันหรือยัง ?
หาก พูดถึงการจัดระเบียบฮาร์ดดิสก์เชื่อว่าหลายคนจะนึกถึงการใช้ยูทิลิตี้ที่ ชื่อว่า Disk Defragmenter ที่มาพร้อมกับตัวระบบปฏิบัติการ Windows ซึ่งนั้นก็ถือว่าเป็นวิธีที่ใช้จัดระเบียบฮาร์ดดิสก์ที่ดีและควรทำวิธีหนึ่ง เช่นกัน และผมแนะนำให้ทำอย่างน้อยเดือนละครั้งครับ แต่ครั้งนี้ผมจะไม่พูดถึงเฉพาะการทำDisk Defragment  เท่านั้นนะครับ  เพราะการจัดระเบียบให้กับฮาร์ดดิสก์เพื่อเพิ่มความเร็วในการทำงานนั้น ยังมีอะไรนอกเหนือจากนั้นอีก เริ่มต้นตั้งแต่คุณได้ซื้อฮาร์ดดิสก์ลูกใหม่กันเลยทีเดียว
   ในปัจจุบันขนาดความจุของฮาร์ดดิสก์เพิ่มขึ้นกว่าเดิมมาก แถมราคาก็ถูกลง จะเห็นได้ว่าในท้องตลาดตอนนี้ขนาดความจุต่ำสุดจะเริ่มต้นที่ประมาณ 80 กิกะไบต์ หรือ 100 กิกะไบต์กันแล้วโดยเฉพาะผู้ที่ซื้อมาเพื่อทำการอัพเกรดคอมพ์ตัวเก่านั้น หลายคนไม่ได้ทำการถอดเอาฮาร์ดดิสก์ตัวเก่าทิ้งไป  หากแต่ติดตั้งฮาร์ดดิสก์ลูกใหม่ลงไปให้ทำงานคู่กันกับตัวเก่าเลย
   คำแนะนำในการติดตั้งของผมก็คือ ให้ติดตั้งฮาร์ดดิสก์ลูกใหม่เป็น Master และให้นำตัวเก่ามาทำเป็น Slave โดยให้ทำการฟอร์แมตระบบปฏิบัติการวินโดวส์ในลูกเก่าออกเสียและติดตั้งใหม่ลง บนฮาร์ดดิสก์ลูกใหม่แทน อีกสิ่งที่ห้ามลืมเด็ดขาด ก็คือการแบ่งพาร์ทิชันให้กับฮาร์ดดิสก์ของคุณ ส่วนระบบ Files System นั้น ผมแนะนำให้ใช้ NTFS แทน FAT32 เพราะในการทำงานกับฮาร์ดดิสก์ความจุสูง ๆ NTFS  นั้นจะทำงานได้รวดเร็วกว่าแบบ NTFS นั้นจะทำงานได้รวดเร็วกว่าแบบ FAT32 ที่เราคุ้นเคยกันอยู่ พร้อมกันยังมีระบบการทำงานที่ดีกว่า อาทิการรองรับขนาดของไฟล์ได้สูงสุดที่16 TB (16,000 กิกะไบต์) ขณะที่ FAT32  นั้นรองรับสูงสุดเพียง 2 กิกะไบต์เท่านั้น (ลองนึกถึงการทำอิมเมจของไฟล์ภาพยนตร์ดีวีดีสักหนึ่งแผ่นที่ปกติจะมีขนาด ประมาณ 3-4 กิกะไบต์ ถ้าเป็นบนระบบ FAT32 จะไม่สามารถทำได้เพราะระบบ FAT32 จะไม่รองรับไฟล์ที่มีขนาดสูงกว่า 2 กิกะไบต์  ในขณะที่ NTFS นั้นทำได้สบายๆ ครับ) และ NTFS ยังมีอัตราการสูญเสียเนื้อที่ฮาร์ดดิสก์ไปอย่างเปล่าประโยชน์ หรือที่หลายคนรู้จักในชื่อ Cluster Size นั้นน้อยกว่า FAT32 มากทีเดียว เมื่อใช้กับพาร์ทิชันที่มีขนาดสูงกว่า  8 กิกะไบต์ สำหรับผู้ที่ใช้ ระบบ Files System แบบ FAT32 อยู่ขณะนี้ แล้วไม่อยากจะฟอร์แมตใหม่เพื่อเปลี่ยนระบบ Files System ให้เป็น NTFS ผมก็มีวิธีนำมาเสนออย่างง่าย ๆ นะครับ โดยให้ทำตามขั้นตอนดังนี้
·         กดคลิ้กที่ Start เลือกไปที่ Run แล้วพิมพ์คำว่า cmd และกด Enter จากนั้นจะมีหน้าต่าง Dos ขึ้นมา
·         ให้พิมพ์ cd\ และกด Enter ก่อน เพื่อเคลียร์ Directory ไป จากนั้นพิมพ์คำว่า CONVERT ไดรฟ์ที่ต้องการแปลง /FS:NTFS ครับ สมมติผมต้องการจะแปลงไดรฟ์ C: ให้เป็น NTFS ผมก็จะพิมพ์ว่า CONVERT C:/FS:NTFS และกด Enter ครับ
·         ลำดับต่อไปก็จะให้ใส่ Volume Lable ของไดรฟ์นั้นๆ ที่เราต้องการจะ Convert ซึ่งเราสามารถดูได้จากการพิมพ์ dir/w ครับ
·         เมื่อใส่ Volume Label ลงไปก็ให้กด Enter หลังจากนั้นก็จะมีคำถามขึ้นมาเพื่อยืนยันการแปลงระบบ ให้เราตอบ Y ไป เท่านี้ก็เป็นอันเรียบร้อยครับ
* อย่าลืมที่จะเก็บข้อมูลสำคัญๆ ก่อนทำการเปลี่ยนแปลงระบบ Files System ไม่สมบูรณ์ จะพาลให้ข้อมูลเสียหาย  จนอาจจะถึงขั้นต้องฟอร์แมตฮาร์ดดิสก์เลยนะครับ
     วิธีแก้เครื่องช้า ประการที่ 3 ทำความสะอาด Registry กันเถอะ
Registry คืออะไร? หลายคนยังไม่ทราบ ผมจะอธิบายคร่าวๆ แล้วกัน Registry คือฐานข้อมูลของระบบ
ปฏิบัติ การวินโดวส์ที่รวบรวมข้อมูลการตั้งค่าของตัวระบบปฏิบัติการ และโปรแกรมต่างๆ ในการทำงานร่วมกันกับตัวระบบปฏิบัติการหรือโปรแกรมใดๆ ลงบนคอมพ์ ตัวระบบปฏิบัติการก็จะทำการเขียน Registry ขึ้นมา เพื่อเป็นข้อมูลพื้นฐานในการกำหนดการทำงานโปรแกรมนั้นๆ แต่หลายครั้งที่การเขียน Registry ขึ้นมาของระบบปฏิบัติการนั้นกลับสร้างปัญหาให้ระบบปฏิบัติการเสียเอง  รวมถึงเมื่อเราทำการถอนการติดตั้งโปรแกรมใดๆ ออกไป ข้อมูล Registry ที่เกี่ยวข้องนั้นกลับไม่ได้ถูกลบออกไปจากระบบด้วย ทำให้หลายเครื่องมีข้อมูล Registry ที่ไม่มีประโยชน์คั่งค้างอยู่ในเครื่องเป็นจำนวนมาก
ผมขอแนะนำ โปรแกรมเล็กๆ ที่จะสามารถช่วยคุณจัดการปัญหาเหล่านี้ได้อย่างง่ายดาย โดยคุณไม่ต้องแปลงร่างเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านโปรแกรมเมอร์แต่อย่างไร โปรแกรมเล็กและฟรีตัวเก่งตัวนี้คือ CCleaner (www.ccleaner.com) โดยความสามารถของโปรแกรมเล็กๆ ตัวนี้ไม่ใช่เพียงแค่การตรวจสอบสถานการณ์ทำงานของ Registry และลบทิ้งเท่านั้นมันยังสามารถตรวจสอบหาไฟล์ขยะหรือไฟล์ที่ไม่จำเป็นใน เครื่องของคุณและทำการลบออกได้อีกด้วย รวมถึง Internet Temporary Files, History และ Cookies ที่ได้จากการท่องเข้าสู่โลกอินเทอร์เน็ตของคุณอีกด้วย ปัญหาข้อนี้แก้ไขง่ายๆ เหมือนปลอกกล้วยเข้าปากช้างเลย...ว่างั้นมั้ยครับ?
     วิธีแก้เครื่องช้า ประการที่ 4 วัยร้าย ไวรัส โอ้ว...ไม่นะ!
นี่ ถือเป็นสาเหตุหลักสาเหตุหนึ่งที่ทำให้หลายคนต้องนอนก่ายหน้าผากและถือเป็น สาเหตุต้นๆ ที่ทำให้คอมพ์ตัวเก่งของเราทำงานอย่างที่ไม่มีเสถียรภาพ และทำงานช้าลงอย่างเห็นได้ชัด ผมอยากจะบอกความจริงอันน่าสะพรึงกลัวว่าการที่คุณติดไวรัสให้ทราบคือ ไม่มีโปรแกรมป้องกันไวรัสตัวใด ที่สามารถกำจัดและป้องกันไวรัสได้ 100% โดยเฉพาะการป้องกันและกำจัดภัยคุกคามที่เรียกกันโดยทั่วไปว่า Trojan และ Spyware คำแนะนำคือให้การติดตั้งระบบรักษาความปลอดภัยให้กับคอมพ์ของคุณ ให้มีประสิทธิภาพสูงสุดของผมคือให้เลือกติดตั้งโปรแกรมแอนตี้ไวรัสสักหนึ่ง ตัว พร้อมกับติดตั้งโปรแกรมตรวจจับและกำจัดสปายแวร์ไปด้วยอีกหนึ่งตัว โปรแกรมแอนตี้ไวรัสในปัจจุบันที่ได้รับการยอมรับและเป็นที่นิยมมีหลายตัว ไม่ว่าจะเป็น Norton, McAfee, NOD32, BitDefender, Kaspersky, AVG และ Panda Software แต่สำหรับคนที่อยากใช้ของดีของฟรี ผมก็มีแนะนำเหมือนกันครับ AntiVir Personal Edition (www.freeav.com) ซึ่งเป็นโปรแกรมแอนตี้ไวรัสแบบฟรีแวร์อย่างAd-aware Personal และ Spybot Search & Destroy ต่างก็มีความสามารถในการตรวจจับสปายแวร์ที่ดีเช่นกัน เพียงแต่ทั้งสองโปรแกรมไม่สามารถทำงานแบบ real-time ได้เท่านั้นเอง อีกหนึ่งวิธีในการป้องกันไม่ให้ทั้งเจ้าไวรัสตัวร้าย และสปายแวร์ตัวป่วนมาเยี่ยมเยียนคอมพ์ของคุณก็คือพฤติกรรมการใช้งานอินเทอร์ เน็ตของคุณนั่นเอง โปรแกรมบราวเซอร์อย่าง Internet Explorer นั้นมีความเสี่ยงสูงต่อการโดยโจมตีด้วยสารพัดวิธีของสปายแวร์ การเปลี่ยนไปใช้บราวเซอร์ที่มีความปลอดภัยสูงกว่าอย่าง Opera หรือ Firefox ก็ถือเป็นวิธีที่ดีวิธีหนึ่ง

นอกจากนี้การเข้าเวปไซต์ที่ไม่ค่อยคุ้นหูคุ้นตา และการดาวน์โหลดไฟล์ต่างๆ ก็ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าจะไม่มีของแถมอันไม่พึงประสงค์ติดมาด้วย สำหรับผู้ที่ใช้โปรมแกรมประเภท Outlook ในการรับ-ส่งอีเมล์นั้น  ควรตั้งค่าให้มีการสแกนไวรัสก่อนรับอีเมล์เสมอ  เพื่อป้องกันอีเมล์จากผู้ไม่พึงประสงค์ร้ายไม่ให้สามารถมาคุกคามคอมพ์ของ คุณได้นั่นเอง...เรียกว่าเพียงใส่ใจในรายละเอียด และใช้ความรอบคอบสักเล็กน้อยในการเป็นคนช่างสังเกต ก็จะช่วยให้คุณไม่ต้องนอนก่ายหน้าผากกับปัญหาของไวรัสและสปายแวร์แล้วละครับ
     วิธีแก้เครื่องช้า ประการที่ 5 วินโดวส์เจ้าปัญหา!
   ถ้า หากนำระบบปฏิบัติการทุกตัวที่มีการใช้งานในปัจจุบันมาเปรียบเทียบกัน ระบบปฏิบัติการวินโดวส์ ก็ถือเป็นระบบปฏิบัติการที่มีช่องโหว่ และมีบั๊กมากที่สุดเลยก็ว่าได้ และด้วยความนิยมและมีจำนวนผู้ใช้สูงสุดนี่เอง ทำให้ช่องโหว่เหล่านั้น กลายเป็นเป้าโจมตีของบรรดาผู้ไม่หวังดีมากที่สุดเช่นกัน อันที่จริงไมโครซอฟท์เองก็ไม่ได้นิ่งเฉยต่อช่องโหว่ต่างๆ ที่เกิดขึ้น พวกเขาหมั่นที่จะออกตัวอัพเดทสำหรับแก้ไขช่องโหว่และบั๊กต่างๆ อยู่เป็นประจำ และเราๆ ท่านๆ ที่เป็นผู้ใช้ก็ต้องหมั่นคอยตรวจสอบและอัพเดตตัวแก้ไขปัญหาห่างๆ เหล่านั้นด้วย แต่ถ้าคุณรู้สึกเบื่อหน่ายที่ต้องมาคอยตามอัพเดตกันทุกวี่วัน ก็มีหลายคนได้ทำการรวบรวมตัวอัพเดตต่างๆ เอาไว้ และปล่อยให้ดาวน์โหลดไปติดตั้งภายในครั้งเดียวอาทิ ชุดอัพเดตอย่าง AutoPatcher (www.autopatcher.com) เป็นต้น ซึ่งจะมีการรวบรวมและออกชุดรวมการอัพเดตต่างๆ ของไมโครซอฟท์ออกมาทุกเดือนซึ่งคุณสามารถดาวน์โหลดไปติดตั้งได้ฟรี แถมไม่ต้องคอยล่าตามอัพเดตทุกวันอีกด้วย สำหรับการเพิ่มความเร็ว ในการทำงานให้กับเจ้าวินโดวส์ตัวเก่งนั้นสามารถทำได้ง่ายๆ โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งโปรแกรมประเภท Tweak ตัวไหนเลยก็ได้ครับ

ขั้น แรกให้จัดการกับเอฟเฟ็กต์ฟุ่มเฟือยเสียก่อน โดยคลิ้กขวาที่ My Computer เลือก Properties ไปที่ Advanced เลือก Setting ภายใต้หัวข้อ Performance จากนั้น ภายในหัวข้อ Visual Effects ให้ติ๊กเอาเครื่องหมายถูกหน้าข้อที่ขึ้นต้นด้วย Animate, Fade และ Slide ออกให้หมด หลังจากกด Apple และ OK เพื่อเป็นการยืนยัน ขั้นต่อมา ให้จัดการกับโปรแกรมในส่วนของ Startup ด้วยการคลิ๊กที่ Start เลือกไปที่ Run แล้วพิมพ์คำว่า msconfig ให้กด Enter เมื่อได้หน้าต่างของ System Configuration Utility ขึ้นมา ให้เลือกไปที่ Startup โดยจะเป็นส่วนที่รวบรวมโปรแกรมที่จะรันขึ้นมาอัตโนมัติเมื่อวินโดวส์เริ่มทำ งาน ซึ่งหลายโปรแกรมนั้นไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเริ่มทำงานทันที่เมื่อเข้าสู่ วินโดวส์  โดยให้คุณเลือกโปรแกรมที่ไม่ค่อยจำเป็นออกซะ  แล้วอย่าลืมกด Apply และ OK เหมือนเดิม แค่สองวิธีง่ายๆ นี้ก็ช่วยให้วินโดวส์ของคุฤณทำงานได้คล่องตัวมากขึ้นทีเดียวนะครับ
     วิธีแก้เครื่องช้า ประการที่ 6 อะไรนะ? คอมพ์มองไม่เห็นแรมเหรอ!
ปัญหา ที่พบบ่อยมากกับแรมนั้นคือการที่คอมพ์มองไม่เห็นจำนวนแรมของเราได้อย่างครบ ถ้วน บางคนใส่แรมเข้าไป 2 แถว แถวละ 256 เมกะไบต์ ซึ่งรวมเป็น 512 เมกะไบต์  แต่คอมพ์กลับมองเห็นเพียง 256 เมกะไบต์เท่านั้น

ปัญหาแบบนี้สันนิษฐานได้สองข้อหลักๆ คือ แรมอาจจะเสีย หรือสล็อตเสียบแรมมีปัญหา วิธีตรวจสอบคือ ให้ทำการใส่แรมทีละตัวลงบนสล็อตทีละอัน หากแรมที่ใส่ลงไปนั้นคอมพ์ไม่สามารถมองเห็นได้ไม่ว่าจะใส่ลงบนสล็อตใดก็ตาม แสดงว่าแรมแผงนั้นมีปัญหาแน่นอน ให้ลองทำความสะอาดหน้าสัมผัสทองเหลืองด้วยการนำยางลบมาถูจนคราบสีดำหลุดออก ไปและนำไปลองใส่ดูอีกครั้ง ถ้าหากคอมพ์ยังไม่สามารถมองเห็น นำไปเคลมหรือซื้อใหม่ได้เลยครับ แต่หากคอมพ์สามารถมองเห็นแรมนั้นได้บนบางสล็อต ให้นำลูกยางเป่าลมมาเป่าไล่ฝุ่นออกจากสล็อตที่มีปัญหา หรือจะนำสำลีมาปัดทำความสะอาดก็ได้และหากยังไม่สามารถใช้งานได้ คงต้องซ่อมหรือเคลมเลยครับ
     วิธีแก้เครื่องช้า ประการที่ 7 ซีพียู มันสมองของคอมพิวเตอร์
ปัญหา ที่พบบ่อยที่สุดเกี่ยวกับซีพียู ก็คือเรื่องของความร้อนในการทำงานที่มีความร้อนสูง บางครั้งสูงมากจนเครื่องแฮงก์ ซีพียูไหม้คาเคสไปเลยก็มีมาแล้ว โดยปกติเวลาเราซื้อซีพียูสักตัว ในกล่องหรือแพ็กเกจก็จะมีชุดระบายความร้อนแถมมาให้ด้วยอยู่แล้ว แต่ชุดระบายความร้อนนั้นก็ไม่ได้มีประสิทธิภาพสูงอะไรมากมายนัก เป็นชุดระบายความร้อนที่สามารถรองรับการทำงานทั่วๆ ไป  ในสภาพแวดล้อมปกติ แต่เมืองไทยนั้นเป็นเมืองร้อนครับ และหลายคนก็ไม่ได้ใช้งานคอมพิวเตอร์ภายในห้องแอร์ ทำให้โอกาสที่ซีพียูจะมีความร้อนสูงกว่าปกติ และทำให้ชุดระบายความร้อนที่แถมมานั้นไม่สามารถรองรับการระบายความร้อนได้ เพียงพอจึงเป็นไปได้มาก
ทางออกของปัญหาคงไม่พ้นเรื่องของการหาซื้อชุด ระบายความร้อนมาเปลี่ยนนั่นเอง โดยเฉพาะคนที่นิยมชมชอบในเรื่องของการโอเวอร์คล็อกซีพียูนั้น ยิ่งต้องมีความพิถีพิถันในการเลือกชุดระบายความร้อนมากเป็นพิเศษ คำแนะนำสำหรับการเลือกซื้อชุดระบายความร้อนสำหรับซีพียูนั้นควรดูหน้าสัมผัส ของชุดระบายความร้อนให้ดี ควรจะมีหน้าสัมผัสเป็นทองแดง เพราะทองแดงมีคุณสมบัติในการดูดซับและกระจายความร้อนได้ดีกว่าเหล็กหรือ อะลูมิเนียม ที่นิยมใช้กับชุดระบายความร้อนทั่วๆ ไป สำหรับใครที่ เพิ่งซื้อคอมพิวเตอร์ใหม่ ที่ใช้ซีพียูรุ่นใหม่ๆ ของ AMD ไม่ว่าจะเป็น Athlon64 หรือ Athlon X2 ควรติดตั้งไดร์เวอร์สำหรับซีพียูด้วย โดยดาวน์โหลดและตรวจสอบไดร์เวอร์ได้ที่ www.amd.com ทั้งนี้ก็จะทำให้ประสิทธิภาพและเสถียรภาพในการทำงานร่วมกับระบบปฎิบัตินั้นเป็นไปอย่างราบรื่น ไร้ซึ่งปัญหากวนใจนั่นเอง

     วิธีแก้เครื่องช้า ประการที่ ประการที่ 8 สารพันปัญหาฮาร์ดแวร์

นอก จากปัญหาที่มักเกิดกับแรมและซีพียู อย่างที่ได้กล่าวมาก่อนหน้านี้แล้ว ฮาร์ดแวร์ส่วนอื่นๆ ที่ประกอบขึ้นเป็นคอมพ์สักเครื่องนั้น ก็ใช่ว่าจะทำงานราบรื่นไม่เคยก่อปัญหาเสียเมื่อไหร่ อย่างการ์ดแสดงผลตัวเก่งสำหรับชาวเกมเมอร์นั้น ก็ชอบงอแงอยู่บ่อยครั้ง อาทิ การสามารถรันเกมบางเกมได้ ทางแก้ง่ายๆ คือพยายามอัพเดทไดรเวอร์กันอย่างสม่ำเสมอ (Nvidia เฉลี่ยออกได้เวอร์ทุกๆ 7-14 วัน ขณะที่ ATI เฉลี่ยการอัพเดตไดรเวอร์สำหรับการ์ดแสดงผลของพวกเขาโดยเฉลี่ยเดือนละหนึ่ง ครั้ง) ทั้งนี้รวมถึงฮาร์ดแวร์ทุกชิ้นในคอมพ์หมั่นคอยตรวจสอบดูว่ามีการอัพเด ตไดรเวอร์จากผู้ผลิตหรือไม่ถ้าหากมีก็อย่าลืมที่จะไปดาวน์โหลดมาติดตั้งด้วยนะครับ

นอกจาก การ์ดแสดงผลแล้วตัวออฟติคอลไดรฟ์อย่าง CD, DVD หรือแม้แต่ CD Writer, DVD Writer เองก็มักพบปัญหาบ่อยครั้ง  โดยเฉพาะเรื่องการไม่สนับสนุนแผ่นที่อ่านและเขียน บางครั้งเรานำแผ่น CD ใสเข้าไปตัวอย่างเช่น เจ้าไดรฟ์ตัวเก่งกลับงอแงไม่ยอมอ่านแผ่นซะอย่างนั้น คำแนะนำคือให้ลองทำความสะอาดหัวอ่านด้วยการหาซื้อชุดทำความสะอาดหัวข้อมาลอง ดูก่อน หากยังไม่สำเร็จ หรือจะเป็น DVD Writer ที่เพิ่งซื้อมากับไม่สามารถเขียนข้อมูลลงบนแผ่น DVD เปล่าบางยี่ห้อได้ คำแนะนำคือให้ลองทำการอัพเดตเฟิร์มแวร์ของตัวไดรฟ์เสียก่อนครับ อีกหนึ่งปัญหาที่พบบ่อยๆ แต่กลับไม่ค่อยมีใครทราบวิธีแก้ไข คือเรื่องของถ่านเมนบอร์ดเสื่อม วิธีสังเกตคือเมื่อใดที่คุณเปิดคอมพิวเตอร์ขึ้นมา แล้วนาฬิกาบอกเวลาในวินโดวส์นั้นไม่ตรงกับความเป็นจริง หรือผิดเพี้ยนไปมาก อาทิ เปิดใช้งานแต่วันที่กลับแจ้งวันเวลาเป็นของเดือนที่แล้ว หรือสัปดาห์ก่อน สันนิษฐานไว้ก่อนเลยนะครับว่าตัวแบตเตอรี่ของเมนบอร์ดนั่นน่าจะเริ่มเสื่อม แล้ว ทางออกก็เพียงแค่ซื้อถ่านมาเปลี่ยนครับ ก้อนหนึ่งเพียง 50-70 บาทเท่านั้นเอง

     วิธีแก้เครื่องช้า ประการที่ 9 Phishing และ Pharming

การวางเหยื่อล่อที่แฮกเกอร์นำมาตบตาสำหรับผู้ที่ชอบใช้บริการ E-Banking หรือแม้แต่ชอปปิ้งออนไลน์ทั่วโลกนั้น ความสำเร็จที่เกิดขึ้นมักจะอยู่ที่ความไว้เนื้อเชื่อใจของผู้ใช้บริการ ประเภทนี้มากจนเกินไปแน่นอนว่ารวมถึงขาดการสังเกตในสิ่งรอบตัวด้วย แฮกเกอร์ใหม่ยอมลงทุนเสียเวลาทำเว็บปลอมให้เหมือนของจริงมากที่สุด ซึ่งเป็นการลงทุนลงแรงที่ได้ผลตอบรับดีเสียด้วย เพราะสามารถหลอกลวงให้เหยื่อมาติดกับได้หลายคน เมื่อแฮกเกอร์ทำเว็บปลอมได้เหมือนขนาดนี้ เราจะรู้ได้อย่างว่าอันไหนคือของจริงกันแน่ วิธีตรวจสอบก็ไม่ยากครับโดยหลักการของ Phishing  และ Pharming  มีจุดประสงค์ต้องการข้อมูลส่วนตัวของคุณเป็นหลัก ดังนั้นหน้าเว็บที่ทำปลอมขึ้นมาจะพยายามให้คุณกรอกข้อมูลให้มากที่สุด โดยเฉพาะพาสส์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องกับบัตรเครดิต หรือข้อมูลที่จะช่วยให้แฮกเกอร์สามารถสั่งโอนเงินจากบัญชีของคุณได้ หากไม่แน่ใจจริง ๆ ให้คุณติดต่อกับทางธนาคารโดยตรงเลยว่ามีการขอข้อมูลแบบนี้ผ่านเว็บไซต์จริง ๆ หรือไม่?
อีกวิธีหนึ่งที่คุณสามารถตรวจสอบได้เองคือ ให้เปิดหน้าเว็บนั้นขึ้นมาบ่อย ๆ เพื่อตรวจสอบดูว่าแท้ที่จริงแล้วในระหว่างที่เว็บบราวเซอร์กำลังวิ่งไปตาม ที่อยู่ของ URL นั้น มันวิ่งไปที่เดิมตลอดหรือไม่? เพราะหากเราไปเจอกับวิธีการ ?ตอบสนองก่อน แสดงผลก่อน? โอกาสที่หน้าเว็บของจริงจะตอบสนองขึ้นมาก่อนเว็บปลอมก็มีเช่นกัน เป็นเทคนิคอย่างหนึ่งที่แฮกเกอร์นำมาใช้เพื่อให้เว็บปลอมที่สร้างขึ้นแสดงผล ขึ้นมาก่อน และมักจะ Active อยู่ด้านหน้าเว็บจริงอยู่เสมอ อันที่จริงหากคุณลองหดเว็บไปมา ก็อาจจะพบว่ามีหน้าเว็บอีกอันหนึ่งซ่อนอยู่ด้านหลังหรือถูกเรียกขึ้นมาใน ระหว่างนั้นด้วย
     วิธีแก้เครื่องช้า ประการที่ 10 อินเทอร์เน็ตยุคเต่าคลาน และปัญหาเน็ตเวิร์กชวนปวดหัว
หลายคนออกอาการเซ็ง เมื่อความเร็วในการเล่นอินเทอร์เน็ตนั้นไม่ค่อยทันใจคนรุ่นใหม่วัยไอที ทั้งๆ ที่หลายคนลงทุนเปลี่ยนจากเดิมเคยใช้ Modem Dial-up 56k มาเป็น Hi-Speed Internet แล้ว  ทั้งนี้สาเหตุหนึ่งก็เป็นเพราะจำนวนผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ต ในประเทศไทยเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว ในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมานี้ ทำให้ผู้ให้บริการหลายๆ เจ้า ปรับเปลี่ยนแบนด์วิดธ์กันไม่ทันต่อจำนวนผู้ใช้ อีกสิ่งหนึ่งคือ ให้ลองสำรวจถึงช่วงเวลาการใช้งานของคุณด้วยอินเทอร์เน็ตก็เปรียบเสมือนการ จราจรในกรุงเทพมหานครของเรานี่แหละครับ มันมีช่วงเวลาเร่งด่วนอยู่เหมือนกัน นั้นก็คือช่วงเวลา 17.00-24.00 ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาที่มีการใช้งานอินเทอร์เน็ตกันมากที่สุด หากคุณต้องการดาวน์โหลดไฟล์อะไรละก็ ผมแนะในให้ดาวน์โหลดทิ้งไว้ในช่วงเวลาที่นอกเหนือจากเวลาดังกล่าว นอกจากความเร็วในการโหลดจะสูงกว่าปกติในช่วงนั้นโอกาสที่การเชื่อมต่อจะถูก ตัดก็มีน้อยกว่าด้วย อีกสิ่งหนึ่งคือเรื่องของสายโทรศัพท์ที่ใช้ ลองตรวจสอบดูครับว่ามีสัญญาณรบกวนมากหรือเปล่า? ทดสอบได้ง่ายๆ ด้วยการนำโทรศัพท์พื้นฐานมาต่อเข้ากับสายโทรศัพท์ที่เราใช้ในการต่ออิน เทอร์เน็ต และลองยกหูโทรออกดู หากมีเสียงซ่าเข้ามาเป็นระยะๆ หรือมีเสียงแทรกระหว่างการสนทนานั้น นั่นแสดงว่าสายโทรศัพท์เส้นนั้นมีสัญญาณรบกวนอยู่

ทางแก้อาจจะต้อง พึ่งเจ้าหน้าที่ของผู้ให้บริการโทรศัพท์ ให้เขามาตรวจสอบการเดินสายภายในที่พักของเราว่ามีส่วนใดช่วงไหนที่ชำรุดเสีย หายหรือไม่? การทำให้สายโทรศัพท์มีสภาพที่ดีอยู่ตลอดเวลาก็จะช่วยให้การท่องเข้าไปยังโลก อินเทอร์เน็ตของคุณนั้นราบรื่นและรวดเร็วได้เหมือนกัน สำหรับการ แชร์อินเทอร์เน็ตนั้นทำได้กันอยู่หลายวิธี ไม่ว่าจะใช้สาย Cross ต่อ LAN หรือจะทำ Wireless LAN เองก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร เพราะเมื่อคุณซื้ออุปกรณ์สำหรับการแชร์อินเทอร์เน็ตเหล่านี้มา เขาก็จะมีตัวคู่มือสำหรับการติดตั้งอุปกรณ์และเซตอัพให้อยู่แล้ว สำหรับการแชร์ไฟล์นั้นในระบบปฏิบัติการอย่างวินโดวส์ เอ็กซ์พีเองก็มีตัวช่วยในการเซตอัพการแชร์เน็ตเวิร์กกันอยู่แล้ว เพียงแค่คุณเลือกไดรฟ์หรือโฟลเดอร์ที่ต้องการจะแชร์ แล้วคลิ้กขวาเลือก Sharing and Security และทำตามขั้นตอนที่วินโดวส์บอกไปเรื่อยๆ เท่านั้นเอง ปัญหาหนึ่งที่พบกันบ่อยครั้งในการแชร์ไฟล์หรือการแชร์อินเทอร์เน็ต คือการที่เครื่องในวงเน็ตเวิร์กนั้นไม่สามารถมองเห็นไฟล์ของอีกเครื่องหนึ่ง ได้ รวมถึงการที่เมื่อทำการแชร์อินเทอร์เน็ตแล้วขึ้นคำว่า Connection has limited or no connectivity ในปัญหาของการที่เราไม่สามารถมองเห็นเครื่องอื่นในวงเน็ตเวิร์กนั้นได้ อันดับแรกให้ตรวจสอบชื่อของ Workgroup ว่าถูกต้องหรือไม่? รวมถึงการตรวจสอบสิทธิ์ของการเข้าถึงข้อมูลในเครื่องนั้นๆ ด้วยว่ามีการตั้งสิทธ์ไว้อย่างไร สำหรับปัญหา Connection has limited or no connectivity นั้นพบได้บ่อยกันระบบเน็ตเวิร์กขนาดใหญ่สาเหตุใหญ่อย่างหนึ่งคือบางครั้งมี การเข้าใช้งานในเครื่องข่ายพร้อมๆ กันจำนวนมาก ทำให้ตัว DHCP Server นั้นๆ ไม่สามารถจ่ายหมายเลขไอพีได้อย่างเพียงพอ ทำให้เกิดปัญหานี้ขึ้น รวมถึงปัญหาเกิดปัญหาหมายเลขไอพีค้าง คือได้มีเครื่องทำการเชื่อมต่อและถอนการเชื่อมต่อออกไปแล้ว แต่เซิร์ฟเวอร์กลับไม่ดึงหมายเลขไอพีกลับมา โดยยังคงค้างหมายเลขไอพีนั้นอยู่ ทำให้ไม่สามารถจ่ายหมายเลยไอพีให้กับเครื่องที่มาต่อใหม่ได้

ทางแก้ ที่ดีที่สุดคือการรีสตาร์ตตัวเซิร์ฟเวอร์หรือเราเตอร์เสีย เพื่อให้มีการรีเชตหมายเลขไอพี ก็จะทำให้ตัวเซิร์ฟเวอร์สามารถจ่ายเลขไอพีได้ตรงตามจำนวนเครื่องที่เข้ามา เชื่อมต่อภายในเน็ตเวิร์กได้อีกครั้ง สำหรับการแชร์อินเทอร์เน็ต แล้วไม่อยากให้ความเร็วตกลงไปมากนั้น มีข้อควรพึงปฏิบัติคือ ตรวจสอบไม่ให้มีการใช้งานโปรแกรมที่ดึงแบนด์วิดธ์ส่วนมากไป เช่น การดาวน์โหลด Bit Torrent การใช้โปรแกรมแชตบางประเภทอย่าง Skype หรือแม้แต่ Yahoo Messenger ที่ได้มีการเชื่อมต่อเว็บแคมเอาไว้ และที่สำคัญป้องกันไม่ให้มีการเล่นเกมออนไลน์ภายในวงเน็ตเวิร์กด้วย เพราะนอกจากจะสูญเสียแบนด์วิดธ์ส่วนใหญ่ไปแล้ว ยังจะเสียงานอีกด้วย จากแนวทางการแก้ปัญหาที่แนะนำข้างต้น ช่วยให้สามารถแก้ปัญหาของอาการเสีย หรือคอมพิวเตอร์ช้า ให้ใช้งานได้เป็นปกติ แก้ปัญหาอาการเครื่องคอมพิวเตอร์ช้า

11 ความคิดเห็น:

  1. เยอะจัง มีประโยชน์มากเลย

    ขอบคุณจ้า

    note 881

    ตอบลบ
  2. ดีมากเลย สำหรับคำแนะนำ มีประโยชน์ต่อการนำไปใช้ ได้จริง

    By: นางสาวธารทิพย์ โลหณุต (แพร)

    ตอบลบ
  3. เยอะมากกกกกกกก แต่มีประโยชน์ดีนะ เอาไปใช้เองได้ ;]

    ขอบคุณค่ะ

    847นัทธมน (โดนัท)

    ตอบลบ
  4. เยอะเกิ้นนน แต่เนื้อหาก้อมีประโยชน์ต่อเพื่อๆนากเลยคับ

    นฤพนธ์ (nix)

    ตอบลบ
  5. ขอบคุณสำหรับคำแนะนำดีๆน่ะ สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้จริง

    โดย สุภาพร แซ่แต้ 51040886

    ตอบลบ
  6. การไม่โหลดโปรแกรมที่ไม่จำเป็นมาใช้มากมายก็เป็นอีกวิธีที่ทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์ของเราไม่ช้าน่ะค่ะ

    นางสาวบุษยา รินจันทร์ รหัส 51040853 (กี๋)

    ตอบลบ
  7. ขอบคุณสำหรับบทความดีดี เครื่องกำลังมีปัญหาเลย

    ตอบลบ
  8. ดีมาก แล้วก็ยาวมากค๊ะกว่าจะจบ 555 แต่ก้ได้ความรู้มากมาย จ๊วฟๆจ๊ะ
    ( พบปัญหานี้บ่อยมาก เครื่องช้าอ่ะ บางทีก็ต้องลงวินโดว์ใหม่ รำคาญ 555++) =.=
    เจ๋งๆ

    กีต้าร์ (กาตี้) งุงิ๊ๆสาวสวย

    ตอบลบ
  9. ชอบคำนิคอ่ะ "เยอะเกิ้นนนน" 555

    แต่คุณทำดีมากค๊ะคุณศกุลตรา

    ตอบลบ
  10. การดูแลรักษาคอมพิวเตอร์ของเราอยู่เสมอ ก็จะทำให้สามารถยืดอายุการใช้งานของฮาร์ดแวร์ได้

    รัตน์ชนันท์ ถาวรศักดิ์สุธี(โบว์ลิ่ง)

    ตอบลบ
  11. คนใช้งานคอมพิวเตอร์ก็เหมือนกับคนขับรถอ่ะคะ ที่ควรจะต้องมีความรู้พื้นฐานในการแก้ปัญหาเล็กๆน้อยเมื่อเครื่องมีปัญหา อิอิ

    ปิยะดา (เดียร์)857

    ตอบลบ

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น