วันอังคารที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2554

จับตาปี 2011 กับ 10 เทรนด์เทคโนโลยีในภาคธุรกิจ

10 เทรนด์เทคโนโลยีด้านโทรศัพท์มือถือสำหรับภาคธุรกิจ ซึ่งเป็นการคาดการณ์จากสถาบันวิจัยชื่อดัง Gartner Research อย่างไรก็ตามแต่ละหัวข้อเป็นบทวิเคราะห์อ้างอิงจากตลาดโลก บางอย่างอาจยังไกลตัวบ้านเราก็เป็นได้ แต่เชื่อว่าจะเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับผู้ที่กำลังสนใจถึงทิศทางกระแสโลก ที่กำลังจะก้าวไป


1.การเชื่อมต่อเทคโนโลยีไร้สาย Bluetooth 4.0

สำหรับเทคโนโลยี Bluetooth ที่มีมาหลายปีแล้วนั้น ได้มีการพัฒนากันมาอย่างต่อเนื่อง ได้มีการเปิดตัวทั้ง Bluetooth 3.0 และ 4.0 มาสักพักแล้ว และคาดการณ์ว่าจะแพร่หลายในภาคธุรกิจในปี 2011 นี้ โดย Bluetooth 3.0 จะมีคุณสมบัติที่เพิ่มความเร็วในการโอนถ่ายข้อมูล และใช้มาตรฐาน IEEE 802.11 ในขณะที่การมาของ Bluetooth 4.0 จะเน้นไปในเรื่องของการใช้พลังงานที่น้อยลง (Low Energy Mode) เพิ่มระยะทางในการเชื่อมต่อสูงขึ้น และทำงานร่วมกับ ระบบ Sensor อาทิเช่น PC จะทำการ lock เครื่องอัตโนมัติเมื่อผู้ใช้เดินออกห่างจากเครื่อง และจะมีอุปกรณ์ทางการแพทย์หลายชิ้นที่จะนำมาประยุกต์ใช้ อย่าง Stethoscope (หูฟังคุณหมอ) ที่ใช้ Bluetooth ในการส่งข้อมูลเสียงแบบ Real time ไปยังเครื่อง PC เพื่อนำไปใช้วิเคราะห์ต่อไป

2. Mobile Web
ในปี 2011 มากกว่า 85% ของเครื่องโทรศัพท์มือถือที่ขายทั่วโลกจะผนวกเอา Browser เข้าไปด้วย ในตลาดที่เติบโตอย่างประเทศในโลกตะวันตก และญี่ปุ่น กว่า 60% ของเครื่องโทรศัพท์มือถือที่ขายออกไปจะเป็นเครื่องสมาร์ทโฟนที่มีความสามารถ ในการเปิด HTML sites และมีหน้าจอที่มีความละเอียดสูง บริษัทต่างๆ จะหันมาสนใจ Mobile Web และ Web Adaptation tool เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้ากันมากขึ้น และรวมถึง Mobile application ที่ได้รับความนิยมมาสักระยะแล้ว

3.Mobile Widgets

Widget หรือ Web application ที่สามารถทำงานได้บนหน้าจอ home screen ของอุปกรณ์ได้เลย สามารถใช้งานได้สะดวก และบริษัทต่างๆ สามารถนำเสนอสินค้า ข้อมูล และข่าวสารได้ เป็นการเริ่มต้นที่ง่าย และไม่ซับซ้อน เพื่อจะดูความต้องการของ application ในแต่ละ platform จากตัวอย่างเป็น Verizon Wireless Widget ที่นำเสนอข้อมูลสภาพการจราจรในกรุงนิวยอร์กแบบ Real Time

อย่างไรก็ตามสำหรับบ้านเราสมาร์ทโฟนที่ได้รับความนิยม และมีผู้ใช้งานมากคือ iPhone อีกทั้งปัจจุบันการพัฒนา Branded application ก็ไม่ได้ยุ่งยาก ดังนั้นเทรนด์ดังกล่าวอาจเหมาะสมกับบริษัทที่สนใจพัฒนาบนระบบ Android เสียมากกว่า

4.เครื่องมือการพัฒนา application บนหลายๆ Platform

การที่มีหลาย Platform หลาย OS ทำให้นักพัฒนาและผู้ประกอบการอาจปวดหัวกับการพัฒนา application เพื่อรองรับหลายๆ Platform ถึงแม้เครื่องมือนั้นจะไม่ถึงกับ “write once, run anyware” คือการเขียนโปรแกรมครั้งเดียวแล้วใช้ได้กับทุก Platform ก็ตาม แต่ถ้ามีเครื่องมือที่พอช่วยในการลดค่าใช้จ่ายเรื่องการติดตั้ง application ได้ก็จะดีมาก อาทิเช่น เครื่องมืออย่าง Silverlight และ AIR รวมถึงเครื่องมือที่ช่วยในการพัฒนาอย่าง Qt, Appcelerator และ Java Micro Edition จะได้รับความสนใจในปี 2011

5.App Stores


จากความสำเร็จของ App Stores ของ Apple ที่เข้ามาจัดการในเรื่องของการ distribute application ไปยังเครื่อง iPhone รวมถึงการจัดการระบบการชำระเงิน และบริการหลังการขายด้านอื่นๆ ทำให้บริษัทต่างๆ หันมาเปิด App Stores ของตัวเองเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น Android Market, BlackBerry AppWorld , Nokia Ovi และอีกมากมาย Gartner ยังเชื่อว่าจะยังเห็น App Stores เข้ามาทำหน้าที่ และเพิ่มฟีเจอร์หลายๆ อย่างเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในกลยุทธ์ตอบสนองกลุ่มลูกค้าต่างๆ โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าต่างประเทศ

6.ว่าด้วยเรื่องของ Location-based กันอีกแล้ว


มีการคาดการณ์กันว่าสิ้นปี 2011 กว่า 75% ของอุปกรณ์ที่ขายในท้องตลาดจะผนวกเอา GPS เข้าไปด้วย ในขณะที่ Wi-Fi และ Cell site ของโทรศัพท์มือถือจะยังคงเป็นตัวช่วยระบุตำแหน่งในสถานที่ที่ GPS ไม่สามารถใช้ได้ การที่ได้รู้ตำแหน่งของผู้ใช้ นั่นคือการเข้าใจพฤติกรรมของลูกค้า และก่อให้เกิด application ต่างๆ มากมาย อย่างไรก็ตามเรื่องสิทธิส่วนบุคคลยังเป็นเรื่องสำคัญ และควรให้ผู้ใช้อนุญาตก่อนการใช้งาน

7.Cellular Broadband โครงข่ายโทรศัพท์มือถือความเร็วสูง


จากการประกาศมาตรฐาน 4G โดย ITU ทำให้ผู้ให้บริการโทรคมนาคมหลายประเทศเปิดให้บริการโครงข่ายโทรศัพท์มือถือ ความเร็วสูงกันแล้ว ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากทั้งภาคธุรกิจ และผู้ใช้ทั่วไปที่โครงข่าย fixed line เข้าไม่ถึง การผนวกเอาโครงข่ายโทรศัพท์มือถือความเร็วสูง เป็นหนึ่งในฟีเจอร์มาตรฐานของเครื่องแล็ปทอปของบริษัทจะเห็นมากขึ้นในปี 2011 นี้ และจะมีอุปกรณ์ต่างๆ ตามมาอีกมากมายไม่ว่าจะเป็น e-reader หรือ media players เป็นต้น แหม..ช่างน่าอิจฉาต่างประเทศเสียจริงๆ

8.หน้อจอสัมผัส (Touch Screens)

เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่จะชี้ให้เห็นว่าในปี 2011 กว่า 60% ของเครื่องโทรศัพท์มือถือที่จำหน่ายในยุโรปตะวันตก และอเมริกาเหนือจะเป็นหน้าจอ Touch Screens และจะมีความสามารถเพิ่มเติม อาทิเช่น haptics ที่ช่วยเพิ่มประสบการณ์ในการใช้งานให้ดีขึ้น

9.M2M (Machine to Machine)

คำนี้อาจยังไม่คุ้นหูใครหลายคน แต่แวดวงโทรคมนาคมนั้นถือว่ามีมานานแล้ว นั่นคือการเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่างๆ เข้าด้วยกัน และสื่อสารกันผ่านทางโครงข่ายโทรศัพท์มือถือ ยกตัวอย่างง่ายๆ เช่น มิเตอร์น้ำ มิเตอร์ไฟฟ้า สามารถส่งรายงานผลมาที่ศูนย์ได้โดยอัตโนมัติไม่ต้องส่งคนออกไปให้เสียเวลา เพียงเพื่อจดข้อมูลดังกล่าว ถึงแม้อัตราการเติบโตที่ผ่านมาเพียงแค่ 30% ต่อไป แต่เนื่องด้วยส่วนประกอบในอุปกรณ์ด้านนี้มีราคาถูกลงอาจทำให้เห็นบริการดัง กล่าวแพร่หลายมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น Smart Grid, เครื่องอ่านมิเตอร์, ระบบรักษาความปลอดภัย, ระบบขนส่ง, แม้กระทั่งตู้ขายน้ำ และ POS (Point of Sales)

10. ระบบรักษาความปลอดภัยเมื่อวันที่มีอุปกรณ์ที่หลากหลาย


ผู้บริหารอย่าง CIO ในองค์กรต่างๆ กำลังกังวลกับรูปแบบของอุปกรณ์ในปัจจุบันที่ออกมาหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นขบวน Tablets ทั้งหลาย ทั้ง iPad, Android Tablets และ e-reader ดังนั้นจึงเกิด Solution ที่เรียกว่า Device-Independent Security เน้นหนักไปที่บริการในรูปแบบ Cloud Service อาทิเช่น Virus Scanning จะไม่มีการลงโปรแกรมต่างๆ บนอุปกรณ์เหล่านั้นโดยตรง แต่เน้นการทำงานจากฝั่ง Server แทน ถึงแม้จะไม่สามารถการันตีได้ 100% แต่ก็พอที่จะช่วยลดปัญหาความเสี่ยงด้านความปลอดภัยไปได้พอสมควร




1 ความคิดเห็น:

  1. เป็น 10 เทรนด์เทคโนโลยีในภาคธุรกิจที่น่าสนใจมากทีเดียว ขอบคุณนะค่ะ เป็นเรื่องที่พวกเราต้องเรียนรู้และปรับตัวตามให้ทันโลกในยุคโลกาภิวัตน์ คงจะปฏิเสธไม่ได้ว่าไม่จำเป็น เพราะเทคโนโลยีเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของเราอยู่ตลอดเวลา

    เฉลิมขวัญ ส่งศรีจันทร์ ( ขวัญ )

    ตอบลบ

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น