วันเสาร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2554

ไปให้ถึงฝัน

ขึ้นชื่อว่าชีวิต … ย่อมมีทั้งทุกข์ สุข ผิดหวัง สมหวัง พ่ายแพ้ ชนะ คละเคล้ากันไปถ้าหากเรามีความฝัน มีความเชื่อมั่น คิดเสมอว่า เราทำได้เราก็จะทำได้ คิดว่าชนะเราก็จะมีความพยายาม
แต่ถ้าเราคิดทุกครั้งว่า เราทำไม่ได้ เป็นไปไม่ได้ เราแพ้ตั้งแต่ยังไม่ลงมือกระทำนโปเลียนเคยกล่าวไว้ว่า คำว่าเป็นไปไม่ได้ มีอยู่ในพจนานุกรม ของคนโง่เท่านั้น ”
มนุษย์ถ้ามีความใฝ่ฝัน มีจินตนาการ สร้างกำลังใจให้ตนเอง เพื่อให้เป็นแรงขับของชีวิตเราก็จะมีกำลังใจต่อสู้ ดังคำแนะนำของนายแพทย์วิทยา นาควัชระ
- จงมองให้เห็นความดีของตนเองให้เด่นชัดในบางเรื่อง แม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อยก็ตามให้คิดซ้ำ ๆ ว่าตัวเองเป็นคนดี เป็นคนเก่งเสมอ
- จงฝันเห็นภาพความสำเร็จเสมอ เพราะภาพนั้นจะทำให้จิตใจเบิกบาน
- จงมีความรักที่จะกระทำกิจกรรมต่าง ๆ เสมอ เพราะจะเป็นแรงขับเคลื่อนให้เกิดพลังในการทำงานที่ดี
- จงลงมือทำในกิจกรรมและจดจำสิ่งที่ทำได้ดีอยู่เสมอ
- จงชื่นชมตัวเองทุกครั้งที่ลงมือกระทำสิ่งใดลงไปและได้รับผลสำเร็จแม้จะเป็นเพียงเล็กน้อยถ้าทุกคนฝันเห็นแต่สิ่งดี ๆ ก็จะมีพลังกาย พลังใจ ที่จะทำความฝันของตนเอง ให้เป็นจริงขึ้นมาในที่สุด ขอจงฝันในสิ่งที่ดีและมีความมุ่งมั่นที่จะผลักดันตนเองให้ประสบผลสำเร็จอยู่เสมอ แล้วคุณล่ะ มีความฝันเป็นของตัวเองรึยัง...


ศิริมา กุลอุดมทรัพย์ note 51040881 :D

ขยันอย่างไร?...จึงจะประสบความสำเร็จ

ขยัน คือ การเอาภาระงานอย่างไม่นิ่งดูดาย ไม่ว่าจะกระทำให้แก่ตัวเองหรือผู้อื่นก็ตามแล้วก็กระทำอย่างสม่ำเสมอด้วยความอดทน ไม่เกียจคร้าน ไม่ย่อท้อ โดยประการใด ๆ ไม่รังเกียจต่องานประเภทนั้น ๆ ไม่ว่าจะได้รับประโยชน์มากหรือน้อยเพียงนิด แต่เป็นงานอาชีพที่สุจริตถูกกฎหมาย สังคมยอมรับ
ขยัน หมายถึง พฤติกรรมการกระทำการงาน หรือสิ่งอื่นใดก็ตามโดยการกระทำนั้นได้ทำอย่างสม่ำเสมอ ถูกต้องตามระเบียบ ไม่ผิดศีลธรรม ไม่ผิดกฎหมายบ้านเมือง เพราะหากขยันผิด ๆ แล้วย่อมก่อภัยตามมาภายหลัง อาจต้องเสียทรัพย์ เสียชื่อเสียง ติดคุกติดตาราง บาดเจ็บ ถึงแก่ชีวิตสังคมรอบด้านตราบาปไว้ ให้ทุกข์ทรมานในชาตินี้หรือชาติหน้าต่อๆไป ฯลฯ แต่หากขยันผิดทางโลกทางธรรม ก็มีแต่เสียเวลาของชีวิตอยู่เรื่อย ๆ ไป หลงวกวนแต่เรื่องเดิม ๆ เดินทางผิด หลงทางผิด เป้าหมายของชีวิตเปลี่ยนไป สูญสิ้นไปอย่างไร้ค่า
ความขยันที่สำคัญอีกอย่างก็คือ ต้องขยันอย่างรู้จักใช้สติ - ปัญญา ควบคู่กันไป เพราะแม้ขยันบากบั่นทุ่มโถมเต็มที่สักปานใดก็ตาม หากขยันอย่างโง่ ๆ ไม่ไตร่ตรองอย่างรอบคอบ
ก็จะประสบความล้มเหลวได้ จนบางคนถึงกับล้มละลายหมดเนื้อหมดตัวมาแล้วนักต่อนัก ดังนั้นการที่คนเราจะประสบความสำเร็จในชีวิตได้อย่างดีผ่านพ้นอุปสรรคต่าง ๆ ไปได้นั้นไม่มีทุกข์ภัยหรือบาปกรรมใด ๆ ตามมาเบียดเบียนจะต้องมีองค์ประกอบของความขยันดังนี้


1.
ขยันอย่างอดทนสม่ำเสมอ
2. ขยันในทางที่ดี ถูกต้อง สังคมยอมรับ ยกย่อง

3. ขยันอย่างมีสติปัญญา



ศิริมา กุลอุดมทรัพย์ note 51040881 :D *

วันจันทร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2554

8วิธี ทําให้อายุยืน

8วิธี ทําให้อายุยืน

คงปฏิเสธไม่ได้ว่า ใครๆ ก็อยากที่จะมีอายุที่ยืนยาวนานด้วยกันทั้งนั้น แล้วจะทำให้อายุยืนได้อย่างไร วันนี้เรามีคำตอบมาฝากด้วย 8วิธี ทําให้อายุยืน ที่จะช่วยให้คุณมีอายุที่ยืนยาวนานเพิ่มขึ้นไปอีก 8ปี นอกจากจะทําให้อายุยืนได้แล้ว ยังจะมีสุขภาพที่ดีไปพร้อมๆ กันอีกด้วย

1. ทำให้อายุยืนยาวขึ้น 1ปี ด้วยการกินดาร์กช็อกโกแลต

การวิจัยจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดสหรัฐอเมริกาบอกว่า ถ้ากินดาร์กช็อกโกแลตบ่อยๆ หรืออย่างน้อยเดือนละ 3ครั้ง อาจจะช่วยให้ชีวิตยืนยาวขึ้นได้อีก 1ปีเลย เพราะว่าในดาร์กช็อกโกแลตมีสารฟลาโวนอยด์ที่ช่วยทำให้เลือดไม่ข้นหนืดจนเกิน ไป เลือดเลยไหลได้สะดวกไม่ไปติดหรือกระแทกหลอดเลือดมากจึงไม่เกิดโรคเกี่ยวกับ หลอดเลือด เส้นเลือดก็ไม่อุดตัน

2. ทำให้อายุยืนยาวขึ้น 2ปี ด้วยเพศสัมพันธ์ที่ดี

มีเพศสัมพันธ์บ่อยๆ แล้วดี ช่วยเพิ่มอายุได้ถึง 2ปีเลยทีเดียว มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียบอกว่า เป็นเพราะจะมีสารที่ทำให้คลายเครียดและทำให้รู้สึกสบายตัว ร่างกายและหัวใจก็ดีขึ้น

3. ทำให้อายุยืนยาวขึ้น 3ปี ด้วยการกินถั่ว

อย่างน้อยสัปดาห์ละ 5วัน มหาวิทยาลัยโลม่าลินดาที่แคลิฟอร์เนียวิจัยพบว่า ในถั่วจะมีไขมันโอเมก้า 3สารต้านอนุมูลอิสระ ใยอาหารเยอะไขมันอิ่มตัวน้อยแคลอรีน้อยทำให้ร่างกายแข็งแรง โดยเฉพาะกับหัวใจ แต่ต้องเลือกแบบไม่มีเกลือ

4. ทำให้อายุยืนยาวขึ้น 4ปี ด้วยการดื่มไวน์

นักวิทยาศาสตร์ชาวดัชช์ให้ดื่มไวน์วันละครึ่งแก้วจะทำให้ชีวิตยืนยาวได้ ถึง 4ปี เพราะในไวน์จะมีสารโพลิฟิโนลิคคอมพาวน์สซึ่งทำให้เลือดไม่มีการเติบโตของ ไขมัน พอเยื่อไขมันไม่สามารถเติบโตได้ เส้นเลือดจะสะอาดใสอยู่ตลอดเวลาไม่มีตะกอนตกค้างหรือมีไขมันมาเกาะผนังหลอด เลือด

5. ทำให้อายุยืนยาวขึ้น 5ปี ด้วยการเล่นกอล์ฟ

การเล่นกอล์ฟทำให้ได้เดิน เล่นกอล์ฟ 18หลุม ต้องเดินถึง 6-10กม. แล้วการเดินทำให้ร่างกายเราเผาผลาญแคลอรีได้ดีเป็นการออกกำลังกายแบบ Low intensity คือการออกกำลังกายแบบไม่หนักแต่หัวใจเต้นเร็วและใช้ออกซิเจนเยอะมาก ซึ่งจะทำให้ร่างกายแข็งแรง แล้วการตีกอล์ฟทำให้ไม่เบื่อที่จะออกกำลังกายด้วย

6. อายุยืนยาวขึ้น 6ปี ด้วยการกินอาหารที่ดีต่อสุขภาพ

ให้เรื่องการกินอาหารที่ดีต่อสุขภาพเป็นชีวิตประจำวัน ไม่ใช่วันนี้พิเศษถึงจะกิน หรือนานๆ กินทีแบบนั้นไม่ดีแน่ๆ แล้วมีการวิจัยจากฮอลแลนด์บอกว่า กินปลา เนื้อไม่ติดมัน น้ำมันมะกอก กระเทียม คาร์โบไฮเดรตที่ดีอย่างข้าวกล้อง ข้าวโอ๊ต เป็นประจำ จะทำให้ไขมันในเลือดน้อยลง สุขภาพร่างกายดีขึ้น โรคมะเร็งกับเบาหวานก็จะเกิดได้ยากขึ้น

7. ทำให้อายุยืนยาวขึ้น 7ปี ด้วยการควบคุมน้ำหนัก

นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ดศึกษาพบว่า ถ้าสามารถควบคุมน้ำหนักให้อยู่ตามเกณฑ์มาตรฐานได้โดยตลอด จะเพิ่มชีวิตได้ถึง 7ปีเลย หรือหากตอนนี้ใครกำลังน้ำหนักตัวเกินอยู่ก็รีบลดเลย เพราะปล่อยให้น้ำหนักมากๆ ไม่ดี กระดูกและไขข้อต้องรับน้ำหนักเยอะมากจะมีปัญหาได้ แล้วก็เสี่ยงกับการเกิดโรคหลายโรคด้วย แต่ที่ต้องระวังด้วยคืออย่าดูแค่ตัวเลขของน้ำหนักเท่านั้นให้ดูไขมันด้วย เพราะคนผอมหลายคนเหมือนกันที่น้ำหนักน้อยแต่ไขมันเยอะ นั่นก็สุขภาพไม่ดีได้ง่ายเหมือนกัน

8. ทำให้อายุยืนยาวขึ้น 8ปี ด้วยการหัวเราะบ่อย ๆ

การที่เราหัวเราะฮอร์โมนคอร์ติโซนซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพจะหลั่งน้อยลง ทำให้มีความสุข ผ่อนคลายไม่เครียด เพราะสารเคมีที่ไม่ดีในร่างกายจะไม่หลั่งออกมาเลย แล้วจะมีสารเคมีดี เช่น เอ็นโดรฟิน อะดรีนาลีน หลั่งออกมาแทน ก็พยายามดูหนังตลก อยู่กับเพื่อนให้เยอะๆ จะได้หัวเราะ หัวเราะวันละ 15นาที ทำให้มีอายุยืนยาวขึ้นอีก 8ปีเลยนะ

10 วิธีทำผู้ชายอายุยืน

10 วิธีทำผู้ชายอายุยืน

posted on 16 Apr 2009 15:37 by health2u in health

...

อาจารย์แพทย์ สถาบันเมโยคลินิก สหรัฐฯ แนะนำวิธีทำให้ผู้ชายอายุยืน 10 วิธี ผู้เขียนขอนำมาเล่าสู่กันฟัง คำแนะนำข้อใดที่มีแล้วในข้อต้นๆ จะไม่นำมากล่าวซ้ำ เพื่อประหยัดพื้นที่บล็อกครับ

(1). ลดโรคหัวใจ

  • ไม่สูบบุหรี่ และไม่หายใจควันบุหรี่ที่คนอื่นสูบเข้าไป
  • ลดอาหารที่มีไขมันสูง โดยเฉพาะไขมันอิ่มตัว-ไขมันสัตว์ หรือเนื้อสำเร็จรูป (เช่น ไส้กรอก หมูยอ หมูหยอง หมูแผ่น ฯลฯ)
  • กินธัญพืชไม่ขัดสี โดยเปลี่ยนข้าวขาวเป็นข้าวกล้อง หรือขนมปังขาวเป็นขนมปังโฮลวีท (เติมรำ) กินผัก-ผลไม้ทั้งผล (หรือผลไม้ปั่นรวมกาก ไม่ใช่น้ำผลไม้กรองหรือแยกกาก) กินปลา โดยเฉพาะปลาทะเลที่ไม่ผ่านการทอด (เช่น ปลากระป๋อง ฯลฯ)
  • ลดอาหาร-ขนมสำเร็จรูป ลดการซื้ออาหารนอกบ้าน และงานเลี้ยง-สังสันทน์ หันมาทำกับข้าวเองอย่างน้อยวันละ 1 มื้อ (ถ้าทำไม่ได้... หุงข้าวกล้องกับเตรียมผักไปเสริมกับข้าวนอกบ้านก็ยังดี) เพื่อลดปริมาณเกลือในอาหาร
  • ออกกำลังเป็นประจำ + ระวังอย่าให้น้ำหนักเกินหรืออ้วน + หาทางลดความเครียด

(2). ลดมะเร็ง

  • ไม่สูบบุหรี่ + ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ (เหล้า เบียร์ ไวน์ ฯลฯ) หนัก
  • หลีกเลี่ยงแสงแดดจ้า (9.00-16.00 น.) สวมหมวก-แว่นตากันแดด และใช้ยากันแดด

(3). ลดอุบัติเหตุ

  • ขับรถไม่เร็วเกิน คาดเข็มขัดนิรภัยหรือสวมหมวกกันน็อค เมาไม่ขับ ง่วงไม่ขับ

(4). สโตรค (stroke = กลุ่มโรคหลอดเลือดสมองแตก-ตีบตัน อัมพฤกษ์ อัมพาต)

  • ลดโคเลสเตอรอลในอาหาร เช่น ไขมันสัตว์ เครื่องใน ตับ ฯลฯ + ไม่กินเนื้อมากเกิน (แม้แต่เนื้อแดงก็มีไขมันแฝงอยู่สูง)
  • ลดไขมันแปรรูปหรือไขมันทรานส์ให้มาก ที่สุด เช่น เบเกอรี เนยขาว เนยเทียม (ยกเว้นเนยเทียมชนิดไขมันทรานส์ต่ำ) ครีมเทียม คอฟฟี่เมต น้ำมันที่ใช้ซ้ำหลายครั้ง (พบบ่อยในอาหารนอกบ้าน เช่น ปาท่องโก๋ ฯลฯ)

(5). COPD (chronic obstructive pulmonary disease = กลุ่มโรคปอดเรื้อรัง ที่สำคัญคือ หลอดลมอักเสบเรื้อรังและถุงลมโป่งพอง)

  • ไม่สูบบุหรี่ ไม่หายใจเอาควันบุหรี่ที่คนอื่นสูบเข้าไป โดยเฉพาะห้องแอร์ ไม่เผาขยะ-เผาใบไม้ (พบบ่อยทางเหนือ ซึ่งน่าจะมีส่วนทำให้มะเร็งปอดในไทยสูงสุดที่ลำปางกับเชียงใหม่ - ผู้เขียน)
  • ไม่ใช้ฟืนทำอาหาร หรือจุดธูป-เทียนในที่อากาศถ่ายเทไม่สะดวก

(6). เบาหวาน

  • ป้องกันคล้ายโรคหัวใจคือ ระวังอย่าให้อ้วน... ถ้าอ้วนควรเปลี่ยนจากอ้วนไม่ฟิตเป็นอ้วนฟิต หรือลดน้ำหนัก กินข้าวกล้อง-ผัก-ผลไม้ทั้งผล-ถั่วให้มากพอ และออกกำลังเป็นประจำ

(7). ไข้หวัดใหญ่

  • ล้างมือด้วยสบู่ก่อนกินอาหาร-ดื่มน้ำ หลังเข้าห้องน้ำ
  • หลีกเลี่ยงสถานที่อากาศถ่ายเทไม่สะดวก โดยเฉพาะห้องแอร์
  • ฉีดวัคซีนถ้ามีข้อบ่งชี้ เช่น อายุมาก มีโรคเรื้อรัง ฯลฯ

(8). ฆ่าตัวตาย

  • สาเหตุสำคัญของการฆ่าตัวตาย คือ โรคซึมเศร้า
  • ทำแบบทดสอบโรคซึมเศร้าอย่างน้อยปีละ ครั้ง... ถ้าเป็นกลุ่มเสี่ยง น้ำหนักขึ้นหรือลงเร็ว (โรคนี้ทำให้กินมากก็ได้ น้อยก็ได้) ปวดเรื้อรังหาสาเหตุไม่ได้ หรือนอนหลับแล้วตื่นง่าย-ตื่นแล้วหลับยาก ควรปรึกษาหมอใกล้บ้าน เนื่องจากยาช่วยให้อาการดีขึ้นได้มาก (ถ้าคนไข้มีความอดทน + วินัยในการรักษา)

(9). ไตวาย

  • สาเหตุสำคัญของไตวายคือ ความดันเลือดสูง เบาหวาน และไตอักเสบเรื้อรัง
  • ไตอักเสบเรื้อรังพบได้ในคนที่เป็นไตอักเสบเฉียบพลันแล้วกินยาไม่ครบ หรือเป็นนิ่วร่วมด้วย
  • วิธีป้องกันนิ่วตั้งแต่แรกที่สำคัญ คือ ดื่มน้ำให้พอทุกวัน ดื่มทันทีที่เสียเหงื่อมาก หิว หรือปัสสาวะสีเหลืองเข้มขึ้น และไม่กลั้นปัสสาวะ

(10). สมองเสื่อมอัลไซเมอร์

  • ถึงแม้จะยังไม่มีวิธีป้องกันโรคนี้ที่แน่นอน
  • ทว่า... การดูแลสุขภาพโดยรวมให้ดี ระวังหัวถูกกระแทก โดยเฉพาะการไม่ดื่มแอลกอฮอล์หนัก ออกกำลัง เข้าสังคมคนดีและคนมองโลกในแง่ดีบ้าง มีส่วนช่วยได้

...

ถ้าชีวิตนี้ เลือกได้... การมีคู่ครองช่วยให้อายุยืนขึ้นประมาณ 3 ปี การตรวจเช็คความดันเลือดและเบาหวาน... ถ้าพบให้รักษาอย่างต่อเนื่องช่วยได้มาก

คนไทยเราส่วนใหญ่อ้วนจากแป้ง... การปรับลดข้าวให้น้อยลง 1/5 ถ้าน้ำหนักไม่เกิน หรือ 1/4 ถ้าน้ำหนักเกิน แล้วเติมผัก-ถั่วเข้าไปแทนข้าวตั้งแต่อายุ 20 ปีมีส่วนช่วยป้องกันโรคอ้วนได้ ถั่วทำให้การเคี้ยวช้าลง ทำให้อิ่มเร็วและนานขึ้น

...

และที่ลืมไม่ได้เลยคือ ควรหัดใช้ถุงยางอนามัยให้เป็น เนื่องจากการสำส่อนทางเพศอาจทำให้ติดเอดส์ได้ (ไม่สำส่อนเป็นดีที่สุด)

ถึงตรงนี้... ขอให้พวกเรามีสุขภาพดีไปนานๆ ครับ

...


kit 901

วันอาทิตย์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2554

กลอนจากครู

...........

ใครคือครูครูคือใครในวันนี้
ใช่อยู่ที่ปริญญามหาศาล
ใช่อยู่ที่เรียกว่าครูอาจารย์
ใช่อยู่นานสอนนานในโรงเรียน

ครูคือผู้ชี้นำทางความคิด
ให้รู้ถูกรู้ผิดคิดอ่านเขียน
ให้รู้ทุกข์รู้ยากรู้พากเพียร
ให้รู้เปลี่ยนแปลงสู้รู้สร้างงาน

ครูคือผู้ยกระดับวิญญาณมนุษย์
ให้สูงสุดกว่าสัตว์เดรัจฉาน
ครูคือผู้สั่งสมอุดมการณ์
มีดวงมานเพื่อมวลชนใช่ตนเอง

ครูจึงเป็นนักสร้างผู้ใหญ่ยิ่ง
สร้างคนจริงสร้างคนกล้าสร้างคนเก่ง
สร้างคนให้ได้เป็นตัวของตัวเอง

...........

การปิด คลาส ที่มีความหมาย

ถึง นักศึกษา SA SD 2011 ทุกท่าน

วันสุดท้ายของการเรียนในห้องเรียนสี่เหลี่ยมผืนผ้า ก็ได้มาถึง คือวันที่ 17 กันยายน 2554 ขอบคุณทุกคนที่มีส่วนร่วมในการเขียน Blog แห่งนี้ ครูและเพื่อนๆ ได้เรียนรู้จาก Blog นี้อย่างมากมาย ขอบคุณความคิดเห็น ท่วงที กริยา วาจา และการแสดงออกของพวกเราทุกคน ขอบคุณช่วงเวลาหนึ่งเทอม แม้ว่าการที่เราได้มาพบกันตัวเป็นเป็น ค่อนข้างน้อยมาก "เวลาเจอกันไม่กี่ครั้ง แล้วเกิดความประทับใจ ดีกว่าเจอกันทุกวัน แต่ไม่ประทับใจกันเลย" จริงไหมคะ พื้นที่ในการเรียนรู้นี้ครูขอมอบให้พวกเรา SA SD 2011 ไว้ดูแล พื้นที่การเรียนรู้นี้ร่วมกันนะคะ

ขอเป็นกำลังใจให้พวกเราได้เดินทาง เพื่อการเรียนรู้ เติบโตอย่างงดงามในสิ่งที่ตนเองเชื่อ เชื่อมั่นและเคารพในตัวเอง และเคารพในการตัดสินใจของตัวเอง รวมทั้งเป็นคนดี ครูจะขอมองดูการเจริญเติบโตของพวกเรานะคะ .... ขออยู่แบบห่างๆ อย่างห่วงห่วง ... หวังว่าเราจะได้พบกันในโลกของไซเบอร์ หรือไม่ โลกของความเป็นจริง ... ครูหวังว่าเราจะได้เจอตัวเป็นเป็นกันอีก ครูเชื่อมั่นอย่างนั้น

ครูอยากจะบอกว่าครูปรารถนาดีกับทุกคน รักพวกเราทุกคน (แต่ไม่เท่ากัน) และครูขอขอบคุณสำหรับคลาสที่มีค่าในชีวิตการเป็นครู อีกหนึ่งคลาส ขอบคุณที่ช่วยตอกย้ำความคิดของครูเกี่ยวกับกับการเรียนการสอน และการเรียนรู้

อาจารย์จงดี โตอิ้ม

...........

วันเสาร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2554

มือถือ สามารถฆ่าคุณได้ !!!

สมาร์ทโฟนหรือมือถือ ในฐานอุปกรณ์ดิจิตอลที่ใช้ในการสื่อสารของผู้บริโภควันนี้ ไม่เพียงแต่มันจะฆ่าเวลาในขณะที่คุณเดินทาง หรือกำลังรอใครบางคน ผู้เชี่ยวชาญทางด้านสรีรศาสตร์ (Ergonomics Expert) กล่าวว่า อย่างน้อยที่สุด อุปกรณ์สื่อสารเหล่านี้อาจทำให้คุณดูแก่ก่อนวัยอันควร (หลังค่อม ตาเสื่อม ฯลฯ) และทำร้ายส่วนต่างๆ ของร่างกายคุณให้เกิดอาการอย่างน้อยทีสุดคือ เจ็บปวดตามข้อต่างๆ ได้

บทความในเว็บไซต์ New York Times ระบุว่า มือถือ โน้ตบุ๊ค และแท็บเล็ต เป็นสิ่งที่ทำให้ร่างกายของมนุษย์แย่ลงกว่าก่อนนี้มาก แม้พวกมันได้รับการออกแบบให้ใช้งานได้อย่างสะดวกสบาย แต่กลับส่งผลต่อสุขภาพในส่วนต่างๆ ของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นข้อต่อ มือ หลัง และคอ ก่อนหน้านี้ ผู้เชี่ยวชาญฯ กล่าวว่า พนักงานที่ใช้คอมพิวเตอร์อาจจะกังวลแค่เรื่องสายตาเท่านั้น เนื่องจากโต๊ะ เก้าอี้ และคอพิวเตอร์ ได้รับการออกแบบให้ร่างกายสามารถนั่งทำงานอยู่ในท่าที่ถูกต้องได้ แต่เทคโนโลยีทีมีขนาดเล็กกว่า อย่างเช่น มือถือที่สามารถถือไว้ในมือ และไหล่ในการยกมันขึ้นใช้งานในลักษณะต่างๆ ตลอดทั้งวัน ซึ่งไม่ใช่ท่าที่ถูกต้องตามหลักสรีรศาสตร์ โดยเฉพาะเมื่อคุณไม่ได้ใช้ขณะนั่งอยู่ที่โต๊ะ

เมื่อเป็นเช่นนี้ ผู้ใช้ทีใช้งานอุปกรณ์เหล่านี้แทบตลอดเวลา จึงมีโอกาสที่จะอยู่ในท่่าทางที่ไม่ถูกต้องตามหลักสรีรศาสตร์ ซึ่งไม่ใช่ท่าทีสะดวกสบาย จนอาจส่งผลให้เกิดอาการอย่างเช่น การปวดข้อมือคล้ายๆ กับ Carpal Tunnel Syndrom ไปจนถึงการมองเห็นที่แย่ลง หรือแม้แต่นิ้วล็อค แย่สุดคือ มือไม่สามารถกำ หรือหยิบจับสิ่งของต่างๆ ได้ นอกจากนี้ ผู้ใช้ที่พยายามอีเมล์ด้วยอุปกรณ์สื่อสารพวกนี้ ยังมีความเสี่ยงทีจะเกิดอาการผิดปกติต่างๆ ทางร่างกายดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นอีกด้วย

แล้วอะไรคือทางเลือกที่ดีทีสุดสำหรับการทำให้สุขภาพของร่างกายปกติในขณะที่ยังคงสามารถเชื่อมต่อกับผู้คนอื่นๆ ด้วยอุปกรณ์เหล่านี้ คำตอบก็คือ "ไม่มี" ตราบใดที่ผู้ผลิตยังไม่สามารถพัฒนาอุปกรณ์ที่ตอบโจทย์เรื่องนี้ ซึ่งจุดของการออกแบบที่ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า ต้องมีการแก้ไขอย่างเช่น คีย์แพดขนาดเล็กบนสมาร์ทโฟนที่ผู้ใช้ต้องใช้นิ้วโป้งด้วยวิธีที่ไม่เป็นธรรมชาติ และยังเป็นการทำร้ายตัวเองอีกด้วย หรือทัชแพดที่ต้องใช้นิ้วกดสัมผัส เพื่อควบคุมพอยน์เตอร์บนหน้าจอ

ซึ่งมันมีวิธีเดียวที่จะหนีจากความเครียดที่ส่งผลกระทบต่อส่วนต่างๆ ของร่างกายอันมีสาเหตุมาจากการใชอุปกรณ์แก็ดเจ็ตต่างๆ เหล่านี้ ก็คือ "ปิดมัน" แล้วออกไปเดินสูดอากาศภายนอก พักสายตา และยืดเส้นยืดสายบ้าง ฟังดูง่าย แต่ทำยากมากสำหรับผู้บริโภคในยุคดิจิตอล



เว็บไซต์ arip
Credit : fwdder.com


นางสาวบุษยา รินจันทร์ รหัส51040853 (กี๋)