"เค คอมพิวเตอร์" ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ของฟูจิตสึติดอันดับหนึ่งของโลก!

ความเป็นมา        

ริเค็นและฟูจิตสึ ได้ทำงานร่วมกันในการพัฒนาเคคอมพิวเตอร์ เพื่อนำมาใช้งานร่วมกัน และน่าจะแล้วเสร็จในช่วงเดือนพฤศจิกายน2555 ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของแนวคิดเรื่องการพัฒนาระบบโครงสร้างการประมวลผล สมรรถนะสูงโดยกระทรวงศึกษาธิการ วัฒนธรรม กีฬา วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ของประเทศญี่ปุ่น ทั้งนี้ เค คอมพิวเตอร์ ประกอบไปด้วยคอมพิวเตอร์แร็คกว่า 800 หน่วย โดยแต่ละหน่วยนั้นได้ใช้ซีพียูความเร็วสูงและประหยัดพลังงาน ที่เชื่อมต่อเข้ากับเครือข่ายที่มีการเชื่อมโยงระหว่างกันอย่างกว้างขวาง โดยซูเปอร์คอมพิวเตอร์ดังกล่าวได้พัฒนาขึ้นด้วยเทคโนโลยีชั้นนำที่โดดเด่น ทั้งในเรื่องสมรรถนะการทำงานและความน่าเชื่อถือในการใช้งาน

สำหรับการทดสอบสมรรถนะในระหว่างที่อยู่ขั้นตอนการสร้างระบบนั้น ความเร็วในการประมวลผลของเคคอมพิวเตอร์ถูกวัดด้วยโปรแกรม LINPACK ซึ่งได้ผลลัพธ์ออกมาในฐานะอันดับหนึ่งของ ท็อป 500 ครั้งที่ 37 ซึ่งเป็นการจัดอันดับซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่เร็วที่สุดในโลก ดำเนินการจัดอันดับมาตั้งแต่ปี 2536 และปรับอันดับปีละสองครั้งในเดือนมิถุนายนและพฤศจิกายน

สมรรถนะและสถานะในอนาคตของ เค คอมพิวเตอร์

โปรแกรม ทดสอบสมรรถนะ LINPACK ทำงานเป็นส่วนหนึ่งบนระบบที่ใช้ซีพียูกว่า 68,544 หน่วย ซึ่งติดตั้งบน เค คอมพิวเตอร์ ที่กำลังอยู่ในขั้นตอนการตั้งค่าต่างๆ และได้สร้างสถิติที่ 8.162 เพตาฟล็อปส์ ในฐานะอันดับหนึ่งของโลกและเป็นสุดยอดในรายชื่อท็อป 500 และนอกจากจะเป็นหนึ่งในซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกแล้ว เคคอมพิวเตอร์ยังมีอัตราประสิทธิภาพ ในการประมวลผลที่สูงถึง 93 เปอร์เซ็นต์ อันเป็นผลมาจากการใช้เทคโนโลยีที่หลากหลาย ทั้งเรื่องจำนวนซีพียูที่มหาศาล การเชื่อมต่อถึงกันอย่างเหมาะสม และซอฟต์แวร์ที่สามารถดึงเอาพลังในการประมวลผลของฮาร์ดแวร์ออกมาได้อย่าง เต็มที่

เมื่อการตั้งค่าต่างๆ ของ เค คอมพิวเตอร์ เสร็จสิ้นในปี 2555 คาดว่าจะมีสมรรถนะเมื่อวัดโดย LINPACK ได้ที่ระดับ 10 เพตาฟล็อปส์ และจะถูกใช้ในการคำนวณทางวิทยาศาสตร์หลายด้านเพื่อสร้างสรรค์งานวิจัยระดับ โลก ซึ่ง เค คอมพิวเตอร์ นั้นถือเป็นซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่พัฒนาขึ้นในญี่ปุ่นทั้งหมด ตั้งแต่งานวิจัยและพัฒนาหน่วยประมวลผล ไปจนถึงการออกแบบและสร้างระบบ โดยเชื่อว่าสมรรถนะระดับดังกล่าวจะสร้างมิติใหม่ให้กับงานวิจัยทั้งในด้าน สภาพอากาศของโลก อุตุนิยมวิทยา การคาดคะเนภัยพิบัติ และด้านการวิจัยยารักษาโรค จึงกล่าวได้ว่าผลงานชิ้นนี้ได้ช่วยนำความเจริญและความปลอดภัยมาสู่สังคมได้ อย่างมาก โดยริเค็นและฟูจิตสึ จะยังคงทำงานร่วมกันอย่างต่อเนื่องเพื่อให้โครงการดังกล่าวประสบความสำเร็จ ได้อย่างสมบูรณ์แบบในปี 2555

อ่านเพิ่มเติมได้ที่ www.fujitsu.com/th/th/news/recent/Fujitsu_Kcomputer11.html