1. จิบน้ำบ่อย ๆ (Drink water very
often)
สมองประกอบด้วยน้ำ 85 % เชลล์สมองก็เหมือน ต้น ไม้ที่ต้องการน้ำหล่อเลี้ยง
ถ้าไม่มีน้ำ ต้น ไม้ก็เหี่ยว
ถ้าไม่อยากให้เชลล์สมองเหี่ยว ซึ่งส่งผลให้การส่งข้อมูลช้า
กลายเป็นคนคิดช้าหรือคิดไม่ค่อยออก แต่ละ
วันจึงควรดื่มน้ำบ่อย ๆ
2. กินไขมันดี (enjoy taking fish-oil, Omega 3)
คนไม่ค่อยรู้ว่าสมองคือก้อนไขมัน ซึ่งจำเป็นต้องมีไขมันดีไปทดแทนส่วนที่สึกหรอ
แนะนำให้กินไขมันดี
ระหว่างวัน จำพวกน้ำมันปลา สารสกัดใบแปะก๊วย
ปลาที่มีไขมันดีอย่าง ปลาแซลมอน นมถั่วเหลือง
วิตามินรวม น้ำมันพริมโรสเป็นน้ำมันดี
ที่ทำให้เชลล์ชุ่มน้ำ ส่วนวิตามินซีกินแล้วสดชื่น
3. นั่งสมาธิวันละ 12 นาที (Meditation
12 min a day)
หลังจากตื่นนอนแล้ว ให้ตั้งสติและนั่งสมาธิทุกเช้า
วันละ 12 นาที เพื่อให้สมองเข้าสู่ช่วงที่มีคลื่น
Theta
ซึ่งเป็นคลื่นที่ผ่อนคลายสุด ๆ ทำให้สมองมี
Mental Imagery สามารถจินตนาการเห็นภาพและมีความคิ
ดสร้างสรรค์ ( ถ้าทำไม่ได้ตอนเช้า ) ให้หัดทำก่อนนอนทุกวัน
4. ใส่ความตั้งใจ (Program the brain: have specific
intention)
การตั้งใจในสิ่งใดก็ตาม เหมือนการโปรแกรมสมองว่านี่คือสิ่งที่ต้องเกิด
ระหว่างวันสมองจะปรับ
พฤติกรรมเราให้ไปสู่เป้าหมายนั้น ทำให้ประสบความสำเร็จในสิ่งต่าง
ๆ เพราะสมองไม่แยกระหว่างสิ่ง
ที่ทำจริงกับสิ่งที่คิดขึ้น ทั้งสองอย่างจึงเป็นเสมือนสิ่งเดียวกัน
5. หัวเราะและยิ้มบ่อย ๆ (Laugh and Smile)
ทุกครั้งที่ยิ้มหรือหัวเราะ จะมีสารเอ็นโดรฟิน
ซึ่งเป็นสารแห่งความสุข หลั่งออกมาเท่ากับเป็นการกระตุ้น
ให้มีความอยากรักและหวังดี ต่อ คนอื่นไปเรื่อยๆ
6. เรียนรู้สิ่งใหม่ทุกวัน (Learn new
thing everyday)
สิ่งใหม่ในที่นี้หมายถึง สิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน
เช่น กินอาหารร้านใหม่ ๆ รู้จักเพื่อนใหม่
อ่านหนังสือเล่มใหม่ คุยกับเพื่อนร่วมงานและเรียนรู้วิธีการทำงานของเขา
เป็น ต้น เพราะการเรียนรู้สิ่ง
ใหม่ทำให้สมองหลั่งสารเอ็นโดรฟิน และโดปามีน
ซึ่งเป็นสารแห่งการเรียนรู้ กระตุ้นให้อยากเรียนรู้และ
สร้างสรรค์ ไปเรื่อย ๆ เมื่อมีความสุขก็ทำให้มีความคิดสร้างสรรค์
7. ให้อภัยตัวเองทุกวัน (Forgive yourself,
reduce brain stress)
ขณะที่การไม่ให้อภัยตัวเอง การโกรธคนอื่น
โกรธตัวเอง ทำให้เปลืองพลังงานสมอง การให้อภัยตัวเอง
ไม่เครียด เป็นการลดภาระของสมอง
8. เขียนบันทึก Graceful Journal (Write graceful
journal, good things in
life every day)
ฝึกเขียนขอบคุณสิ่งดี ๆ ที่เกิดขึ้นแต่ละวันลงในสมุดบันทึก
เช่น ขอบคุณที่มีครอบครัวที่ดี ขอบคุณที่มีสุขภาพที่
ดี ขอบคุณที่มีอาชีพที่ทำให้มีความสุข
เป็น ต้น เพราะการเขียนเรื่องดี ๆ ทำให้สมองคิดเชิงบวก
พร้อมกับ
หลั่งสารเคมีที่ดีออกมา ช่วยให้หลับฝันดี
ตื่นมาทำสมาธิได้ง่าย มีความคิดสร้างสรรค์
9. ฝึกการสูดหายใจลึก ๆบ่อย ๆ
สมองใช้ออกชิเจน 20 25 % ของออกชิเจนที่เข้าสู่ร่างกาย
การฝึกหายใจเข้าลึก ๆ จึงเป็นการส่งพลัง
งานที่ดีไปยังสมอง ควรนั่งหลังตรงเพื่อให้ออกชิเจนเข้าสู่ร่างกายได้มากขึ้น
ถ้านั่งทำงานนาน ๆ อาจหา
เวลายืนหรือเดินยึดเส้นยืดสายเพื่อให้ปอดขยายใหญ่
สามารถหายใจเอาออกชิเจนเข้าปอดได้เพิ่มขึ้นอีก 20 %
By นายภูมิภัทร จิตติเลิศวุฒิ (หนุ่ม) รหัสนักศึกษา 51040870
อีกวิธีหนึ่งคือการไม่นอนดึก พักผ่อนให้เพียงพอ ค่ะ
ตอบลบไม่นอนดึก ทำไม่เปน อ่า 55
ตอบลบkit 901