- | จงมองให้เห็นความดีของตนเองให้เด่นชัดในบางเรื่อง แม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อยก็ตามให้คิดซ้ำ ๆ ว่าตัวเองเป็นคนดี เป็นคนเก่งเสมอ |
- | จงฝันเห็นภาพความสำเร็จเสมอ เพราะภาพนั้นจะทำให้จิตใจเบิกบาน |
- | จงมีความรักที่จะกระทำกิจกรรมต่าง ๆ เสมอ เพราะจะเป็นแรงขับเคลื่อนให้เกิดพลังในการทำงานที่ดี |
- | จงลงมือทำในกิจกรรมและจดจำสิ่งที่ทำได้ดีอยู่เสมอ |
- | จงชื่นชมตัวเองทุกครั้งที่ลงมือกระทำสิ่งใดลงไปและได้รับผลสำเร็จแม้จะเป็นเพียงเล็กน้อยถ้าทุกคนฝันเห็นแต่สิ่งดี ๆ ก็จะมีพลังกาย พลังใจ ที่จะทำความฝันของตนเอง ให้เป็นจริงขึ้นมาในที่สุด ขอจงฝันในสิ่งที่ดีและมีความมุ่งมั่นที่จะผลักดันตนเองให้ประสบผลสำเร็จอยู่เสมอ แล้วคุณล่ะ มีความฝันเป็นของตัวเองรึยัง... ศิริมา กุลอุดมทรัพย์ note 51040881 :D |
การวิเคราะห์และการออกแบบระบบสำหรับธุรกิจ ภาคเรียนที่ ๑/๒๕๕๔
วันเสาร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2554
ไปให้ถึงฝัน
ขยันอย่างไร?...จึงจะประสบความสำเร็จ
1. | ขยันอย่างอดทนสม่ำเสมอ |
2. | ขยันในทางที่ดี ถูกต้อง สังคมยอมรับ ยกย่อง |
| |
ศิริมา กุลอุดมทรัพย์ note 51040881 :D * |
วันจันทร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2554
8วิธี ทําให้อายุยืน
8วิธี ทําให้อายุยืน
คงปฏิเสธไม่ได้ว่า ใครๆ ก็อยากที่จะมีอายุที่ยืนยาวนานด้วยกันทั้งนั้น แล้วจะทำให้อายุยืนได้อย่างไร วันนี้เรามีคำตอบมาฝากด้วย 8วิธี ทําให้อายุยืน ที่จะช่วยให้คุณมีอายุที่ยืนยาวนานเพิ่มขึ้นไปอีก 8ปี นอกจากจะทําให้อายุยืนได้แล้ว ยังจะมีสุขภาพที่ดีไปพร้อมๆ กันอีกด้วย
1. ทำให้อายุยืนยาวขึ้น 1ปี ด้วยการกินดาร์กช็อกโกแลต
การวิจัยจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดสหรัฐอเมริกาบอกว่า ถ้ากินดาร์กช็อกโกแลตบ่อยๆ หรืออย่างน้อยเดือนละ 3ครั้ง อาจจะช่วยให้ชีวิตยืนยาวขึ้นได้อีก 1ปีเลย เพราะว่าในดาร์กช็อกโกแลตมีสารฟลาโวนอยด์ที่ช่วยทำให้เลือดไม่ข้นหนืดจนเกิน ไป เลือดเลยไหลได้สะดวกไม่ไปติดหรือกระแทกหลอดเลือดมากจึงไม่เกิดโรคเกี่ยวกับ หลอดเลือด เส้นเลือดก็ไม่อุดตัน
2. ทำให้อายุยืนยาวขึ้น 2ปี ด้วยเพศสัมพันธ์ที่ดี
มีเพศสัมพันธ์บ่อยๆ แล้วดี ช่วยเพิ่มอายุได้ถึง 2ปีเลยทีเดียว มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียบอกว่า เป็นเพราะจะมีสารที่ทำให้คลายเครียดและทำให้รู้สึกสบายตัว ร่างกายและหัวใจก็ดีขึ้น
3. ทำให้อายุยืนยาวขึ้น 3ปี ด้วยการกินถั่ว
อย่างน้อยสัปดาห์ละ 5วัน มหาวิทยาลัยโลม่าลินดาที่แคลิฟอร์เนียวิจัยพบว่า ในถั่วจะมีไขมันโอเมก้า 3สารต้านอนุมูลอิสระ ใยอาหารเยอะไขมันอิ่มตัวน้อยแคลอรีน้อยทำให้ร่างกายแข็งแรง โดยเฉพาะกับหัวใจ แต่ต้องเลือกแบบไม่มีเกลือ
4. ทำให้อายุยืนยาวขึ้น 4ปี ด้วยการดื่มไวน์
นักวิทยาศาสตร์ชาวดัชช์ให้ดื่มไวน์วันละครึ่งแก้วจะทำให้ชีวิตยืนยาวได้ ถึง 4ปี เพราะในไวน์จะมีสารโพลิฟิโนลิคคอมพาวน์สซึ่งทำให้เลือดไม่มีการเติบโตของ ไขมัน พอเยื่อไขมันไม่สามารถเติบโตได้ เส้นเลือดจะสะอาดใสอยู่ตลอดเวลาไม่มีตะกอนตกค้างหรือมีไขมันมาเกาะผนังหลอด เลือด
5. ทำให้อายุยืนยาวขึ้น 5ปี ด้วยการเล่นกอล์ฟ
การเล่นกอล์ฟทำให้ได้เดิน เล่นกอล์ฟ 18หลุม ต้องเดินถึง 6-10กม. แล้วการเดินทำให้ร่างกายเราเผาผลาญแคลอรีได้ดีเป็นการออกกำลังกายแบบ Low intensity คือการออกกำลังกายแบบไม่หนักแต่หัวใจเต้นเร็วและใช้ออกซิเจนเยอะมาก ซึ่งจะทำให้ร่างกายแข็งแรง แล้วการตีกอล์ฟทำให้ไม่เบื่อที่จะออกกำลังกายด้วย
6. อายุยืนยาวขึ้น 6ปี ด้วยการกินอาหารที่ดีต่อสุขภาพ
ให้เรื่องการกินอาหารที่ดีต่อสุขภาพเป็นชีวิตประจำวัน ไม่ใช่วันนี้พิเศษถึงจะกิน หรือนานๆ กินทีแบบนั้นไม่ดีแน่ๆ แล้วมีการวิจัยจากฮอลแลนด์บอกว่า กินปลา เนื้อไม่ติดมัน น้ำมันมะกอก กระเทียม คาร์โบไฮเดรตที่ดีอย่างข้าวกล้อง ข้าวโอ๊ต เป็นประจำ จะทำให้ไขมันในเลือดน้อยลง สุขภาพร่างกายดีขึ้น โรคมะเร็งกับเบาหวานก็จะเกิดได้ยากขึ้น
7. ทำให้อายุยืนยาวขึ้น 7ปี ด้วยการควบคุมน้ำหนัก
นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ดศึกษาพบว่า ถ้าสามารถควบคุมน้ำหนักให้อยู่ตามเกณฑ์มาตรฐานได้โดยตลอด จะเพิ่มชีวิตได้ถึง 7ปีเลย หรือหากตอนนี้ใครกำลังน้ำหนักตัวเกินอยู่ก็รีบลดเลย เพราะปล่อยให้น้ำหนักมากๆ ไม่ดี กระดูกและไขข้อต้องรับน้ำหนักเยอะมากจะมีปัญหาได้ แล้วก็เสี่ยงกับการเกิดโรคหลายโรคด้วย แต่ที่ต้องระวังด้วยคืออย่าดูแค่ตัวเลขของน้ำหนักเท่านั้นให้ดูไขมันด้วย เพราะคนผอมหลายคนเหมือนกันที่น้ำหนักน้อยแต่ไขมันเยอะ นั่นก็สุขภาพไม่ดีได้ง่ายเหมือนกัน
8. ทำให้อายุยืนยาวขึ้น 8ปี ด้วยการหัวเราะบ่อย ๆ
การที่เราหัวเราะฮอร์โมนคอร์ติโซนซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพจะหลั่งน้อยลง ทำให้มีความสุข ผ่อนคลายไม่เครียด เพราะสารเคมีที่ไม่ดีในร่างกายจะไม่หลั่งออกมาเลย แล้วจะมีสารเคมีดี เช่น เอ็นโดรฟิน อะดรีนาลีน หลั่งออกมาแทน ก็พยายามดูหนังตลก อยู่กับเพื่อนให้เยอะๆ จะได้หัวเราะ หัวเราะวันละ 15นาที ทำให้มีอายุยืนยาวขึ้นอีก 8ปีเลยนะ
10 วิธีทำผู้ชายอายุยืน
10 วิธีทำผู้ชายอายุยืน
posted on 16 Apr 2009 15:37 by health2u in health...
อาจารย์แพทย์ สถาบันเมโยคลินิก สหรัฐฯ แนะนำวิธีทำให้ผู้ชายอายุยืน 10 วิธี ผู้เขียนขอนำมาเล่าสู่กันฟัง คำแนะนำข้อใดที่มีแล้วในข้อต้นๆ จะไม่นำมากล่าวซ้ำ เพื่อประหยัดพื้นที่บล็อกครับ
(1). ลดโรคหัวใจ
- ไม่สูบบุหรี่ และไม่หายใจควันบุหรี่ที่คนอื่นสูบเข้าไป
- ลดอาหารที่มีไขมันสูง โดยเฉพาะไขมันอิ่มตัว-ไขมันสัตว์ หรือเนื้อสำเร็จรูป (เช่น ไส้กรอก หมูยอ หมูหยอง หมูแผ่น ฯลฯ)
- กินธัญพืชไม่ขัดสี โดยเปลี่ยนข้าวขาวเป็นข้าวกล้อง หรือขนมปังขาวเป็นขนมปังโฮลวีท (เติมรำ) กินผัก-ผลไม้ทั้งผล (หรือผลไม้ปั่นรวมกาก ไม่ใช่น้ำผลไม้กรองหรือแยกกาก) กินปลา โดยเฉพาะปลาทะเลที่ไม่ผ่านการทอด (เช่น ปลากระป๋อง ฯลฯ)
- ลดอาหาร-ขนมสำเร็จรูป ลดการซื้ออาหารนอกบ้าน และงานเลี้ยง-สังสันทน์ หันมาทำกับข้าวเองอย่างน้อยวันละ 1 มื้อ (ถ้าทำไม่ได้... หุงข้าวกล้องกับเตรียมผักไปเสริมกับข้าวนอกบ้านก็ยังดี) เพื่อลดปริมาณเกลือในอาหาร
- ออกกำลังเป็นประจำ + ระวังอย่าให้น้ำหนักเกินหรืออ้วน + หาทางลดความเครียด
(2). ลดมะเร็ง
- ไม่สูบบุหรี่ + ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ (เหล้า เบียร์ ไวน์ ฯลฯ) หนัก
- หลีกเลี่ยงแสงแดดจ้า (9.00-16.00 น.) สวมหมวก-แว่นตากันแดด และใช้ยากันแดด
(3). ลดอุบัติเหตุ
- ขับรถไม่เร็วเกิน คาดเข็มขัดนิรภัยหรือสวมหมวกกันน็อค เมาไม่ขับ ง่วงไม่ขับ
(4). สโตรค (stroke = กลุ่มโรคหลอดเลือดสมองแตก-ตีบตัน อัมพฤกษ์ อัมพาต)
- ลดโคเลสเตอรอลในอาหาร เช่น ไขมันสัตว์ เครื่องใน ตับ ฯลฯ + ไม่กินเนื้อมากเกิน (แม้แต่เนื้อแดงก็มีไขมันแฝงอยู่สูง)
- ลดไขมันแปรรูปหรือไขมันทรานส์ให้มาก ที่สุด เช่น เบเกอรี เนยขาว เนยเทียม (ยกเว้นเนยเทียมชนิดไขมันทรานส์ต่ำ) ครีมเทียม คอฟฟี่เมต น้ำมันที่ใช้ซ้ำหลายครั้ง (พบบ่อยในอาหารนอกบ้าน เช่น ปาท่องโก๋ ฯลฯ)
(5). COPD (chronic obstructive pulmonary disease = กลุ่มโรคปอดเรื้อรัง ที่สำคัญคือ หลอดลมอักเสบเรื้อรังและถุงลมโป่งพอง)
- ไม่สูบบุหรี่ ไม่หายใจเอาควันบุหรี่ที่คนอื่นสูบเข้าไป โดยเฉพาะห้องแอร์ ไม่เผาขยะ-เผาใบไม้ (พบบ่อยทางเหนือ ซึ่งน่าจะมีส่วนทำให้มะเร็งปอดในไทยสูงสุดที่ลำปางกับเชียงใหม่ - ผู้เขียน)
- ไม่ใช้ฟืนทำอาหาร หรือจุดธูป-เทียนในที่อากาศถ่ายเทไม่สะดวก
(6). เบาหวาน
- ป้องกันคล้ายโรคหัวใจคือ ระวังอย่าให้อ้วน... ถ้าอ้วนควรเปลี่ยนจากอ้วนไม่ฟิตเป็นอ้วนฟิต หรือลดน้ำหนัก กินข้าวกล้อง-ผัก-ผลไม้ทั้งผล-ถั่วให้มากพอ และออกกำลังเป็นประจำ
(7). ไข้หวัดใหญ่
- ล้างมือด้วยสบู่ก่อนกินอาหาร-ดื่มน้ำ หลังเข้าห้องน้ำ
- หลีกเลี่ยงสถานที่อากาศถ่ายเทไม่สะดวก โดยเฉพาะห้องแอร์
- ฉีดวัคซีนถ้ามีข้อบ่งชี้ เช่น อายุมาก มีโรคเรื้อรัง ฯลฯ
(8). ฆ่าตัวตาย
- สาเหตุสำคัญของการฆ่าตัวตาย คือ โรคซึมเศร้า
- ทำแบบทดสอบโรคซึมเศร้าอย่างน้อยปีละ ครั้ง... ถ้าเป็นกลุ่มเสี่ยง น้ำหนักขึ้นหรือลงเร็ว (โรคนี้ทำให้กินมากก็ได้ น้อยก็ได้) ปวดเรื้อรังหาสาเหตุไม่ได้ หรือนอนหลับแล้วตื่นง่าย-ตื่นแล้วหลับยาก ควรปรึกษาหมอใกล้บ้าน เนื่องจากยาช่วยให้อาการดีขึ้นได้มาก (ถ้าคนไข้มีความอดทน + วินัยในการรักษา)
(9). ไตวาย
- สาเหตุสำคัญของไตวายคือ ความดันเลือดสูง เบาหวาน และไตอักเสบเรื้อรัง
- ไตอักเสบเรื้อรังพบได้ในคนที่เป็นไตอักเสบเฉียบพลันแล้วกินยาไม่ครบ หรือเป็นนิ่วร่วมด้วย
- วิธีป้องกันนิ่วตั้งแต่แรกที่สำคัญ คือ ดื่มน้ำให้พอทุกวัน ดื่มทันทีที่เสียเหงื่อมาก หิว หรือปัสสาวะสีเหลืองเข้มขึ้น และไม่กลั้นปัสสาวะ
(10). สมองเสื่อมอัลไซเมอร์
- ถึงแม้จะยังไม่มีวิธีป้องกันโรคนี้ที่แน่นอน
- ทว่า... การดูแลสุขภาพโดยรวมให้ดี ระวังหัวถูกกระแทก โดยเฉพาะการไม่ดื่มแอลกอฮอล์หนัก ออกกำลัง เข้าสังคมคนดีและคนมองโลกในแง่ดีบ้าง มีส่วนช่วยได้
...
ถ้าชีวิตนี้ เลือกได้... การมีคู่ครองช่วยให้อายุยืนขึ้นประมาณ 3 ปี การตรวจเช็คความดันเลือดและเบาหวาน... ถ้าพบให้รักษาอย่างต่อเนื่องช่วยได้มาก
คนไทยเราส่วนใหญ่อ้วนจากแป้ง... การปรับลดข้าวให้น้อยลง 1/5 ถ้าน้ำหนักไม่เกิน หรือ 1/4 ถ้าน้ำหนักเกิน แล้วเติมผัก-ถั่วเข้าไปแทนข้าวตั้งแต่อายุ 20 ปีมีส่วนช่วยป้องกันโรคอ้วนได้ ถั่วทำให้การเคี้ยวช้าลง ทำให้อิ่มเร็วและนานขึ้น
...
และที่ลืมไม่ได้เลยคือ ควรหัดใช้ถุงยางอนามัยให้เป็น เนื่องจากการสำส่อนทางเพศอาจทำให้ติดเอดส์ได้ (ไม่สำส่อนเป็นดีที่สุด)
ถึงตรงนี้... ขอให้พวกเรามีสุขภาพดีไปนานๆ ครับ
...
kit 901
วันอาทิตย์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2554
กลอนจากครู
ใครคือครูครูคือใครในวันนี้
ใช่อยู่ที่ปริญญามหาศาล
ใช่อยู่ที่เรียกว่าครูอาจารย์
ใช่อยู่นานสอนนานในโรงเรียน
ครูคือผู้ชี้นำทางความคิด
ให้รู้ถูกรู้ผิดคิดอ่านเขียน
ให้รู้ทุกข์รู้ยากรู้พากเพียร
ให้รู้เปลี่ยนแปลงสู้รู้สร้างงาน
ครูคือผู้ยกระดับวิญญาณมนุษย์
ให้สูงสุดกว่าสัตว์เดรัจฉาน
ครูคือผู้สั่งสมอุดมการณ์
มีดวงมานเพื่อมวลชนใช่ตนเอง
ครูจึงเป็นนักสร้างผู้ใหญ่ยิ่ง
สร้างคนจริงสร้างคนกล้าสร้างคนเก่ง
สร้างคนให้ได้เป็นตัวของตัวเอง
...........
การปิด คลาส ที่มีความหมาย
วันสุดท้ายของการเรียนในห้องเรียนสี่เหลี่ยมผืนผ้า ก็ได้มาถึง คือวันที่ 17 กันยายน 2554 ขอบคุณทุกคนที่มีส่วนร่วมในการเขียน Blog แห่งนี้ ครูและเพื่อนๆ ได้เรียนรู้จาก Blog นี้อย่างมากมาย ขอบคุณความคิดเห็น ท่วงที กริยา วาจา และการแสดงออกของพวกเราทุกคน ขอบคุณช่วงเวลาหนึ่งเทอม แม้ว่าการที่เราได้มาพบกันตัวเป็นเป็น ค่อนข้างน้อยมาก "เวลาเจอกันไม่กี่ครั้ง แล้วเกิดความประทับใจ ดีกว่าเจอกันทุกวัน แต่ไม่ประทับใจกันเลย" จริงไหมคะ พื้นที่ในการเรียนรู้นี้ครูขอมอบให้พวกเรา SA SD 2011 ไว้ดูแล พื้นที่การเรียนรู้นี้ร่วมกันนะคะ
ขอเป็นกำลังใจให้พวกเราได้เดินทาง เพื่อการเรียนรู้ เติบโตอย่างงดงามในสิ่งที่ตนเองเชื่อ เชื่อมั่นและเคารพในตัวเอง และเคารพในการตัดสินใจของตัวเอง รวมทั้งเป็นคนดี ครูจะขอมองดูการเจริญเติบโตของพวกเรานะคะ .... ขออยู่แบบห่างๆ อย่างห่วงห่วง ... หวังว่าเราจะได้พบกันในโลกของไซเบอร์ หรือไม่ โลกของความเป็นจริง ... ครูหวังว่าเราจะได้เจอตัวเป็นเป็นกันอีก ครูเชื่อมั่นอย่างนั้น
ครูอยากจะบอกว่าครูปรารถนาดีกับทุกคน รักพวกเราทุกคน (แต่ไม่เท่ากัน) และครูขอขอบคุณสำหรับคลาสที่มีค่าในชีวิตการเป็นครู อีกหนึ่งคลาส ขอบคุณที่ช่วยตอกย้ำความคิดของครูเกี่ยวกับกับการเรียนการสอน และการเรียนรู้
อาจารย์จงดี โตอิ้ม
...........
วันเสาร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2554
มือถือ สามารถฆ่าคุณได้ !!!
บทความในเว็บไซต์ New York Times ระบุว่า มือถือ โน้ตบุ๊ค และแท็บเล็ต เป็นสิ่งที่ทำให้ร่างกายของมนุษย์แย่ลงกว่าก่อนนี้มาก แม้พวกมันได้รับการออกแบบให้ใช้งานได้อย่างสะดวกสบาย แต่กลับส่งผลต่อสุขภาพในส่วนต่างๆ ของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นข้อต่อ มือ หลัง และคอ ก่อนหน้านี้ ผู้เชี่ยวชาญฯ กล่าวว่า พนักงานที่ใช้คอมพิวเตอร์อาจจะกังวลแค่เรื่องสายตาเท่านั้น เนื่องจากโต๊ะ เก้าอี้ และคอพิวเตอร์ ได้รับการออกแบบให้ร่างกายสามารถนั่งทำงานอยู่ในท่าที่ถูกต้องได้ แต่เทคโนโลยีทีมีขนาดเล็กกว่า อย่างเช่น มือถือที่สามารถถือไว้ในมือ และไหล่ในการยกมันขึ้นใช้งานในลักษณะต่างๆ ตลอดทั้งวัน ซึ่งไม่ใช่ท่าที่ถูกต้องตามหลักสรีรศาสตร์ โดยเฉพาะเมื่อคุณไม่ได้ใช้ขณะนั่งอยู่ที่โต๊ะ
เมื่อเป็นเช่นนี้ ผู้ใช้ทีใช้งานอุปกรณ์เหล่านี้แทบตลอดเวลา จึงมีโอกาสที่จะอยู่ในท่่าทางที่ไม่ถูกต้องตามหลักสรีรศาสตร์ ซึ่งไม่ใช่ท่าทีสะดวกสบาย จนอาจส่งผลให้เกิดอาการอย่างเช่น การปวดข้อมือคล้ายๆ กับ Carpal Tunnel Syndrom ไปจนถึงการมองเห็นที่แย่ลง หรือแม้แต่นิ้วล็อค แย่สุดคือ มือไม่สามารถกำ หรือหยิบจับสิ่งของต่างๆ ได้ นอกจากนี้ ผู้ใช้ที่พยายามอีเมล์ด้วยอุปกรณ์สื่อสารพวกนี้ ยังมีความเสี่ยงทีจะเกิดอาการผิดปกติต่างๆ ทางร่างกายดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นอีกด้วย
แล้วอะไรคือทางเลือกที่ดีทีสุดสำหรับการทำให้สุขภาพของร่างกายปกติในขณะที่ยังคงสามารถเชื่อมต่อกับผู้คนอื่นๆ ด้วยอุปกรณ์เหล่านี้ คำตอบก็คือ "ไม่มี" ตราบใดที่ผู้ผลิตยังไม่สามารถพัฒนาอุปกรณ์ที่ตอบโจทย์เรื่องนี้ ซึ่งจุดของการออกแบบที่ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า ต้องมีการแก้ไขอย่างเช่น คีย์แพดขนาดเล็กบนสมาร์ทโฟนที่ผู้ใช้ต้องใช้นิ้วโป้งด้วยวิธีที่ไม่เป็นธรรมชาติ และยังเป็นการทำร้ายตัวเองอีกด้วย หรือทัชแพดที่ต้องใช้นิ้วกดสัมผัส เพื่อควบคุมพอยน์เตอร์บนหน้าจอ
ซึ่งมันมีวิธีเดียวที่จะหนีจากความเครียดที่ส่งผลกระทบต่อส่วนต่างๆ ของร่างกายอันมีสาเหตุมาจากการใชอุปกรณ์แก็ดเจ็ตต่างๆ เหล่านี้ ก็คือ "ปิดมัน" แล้วออกไปเดินสูดอากาศภายนอก พักสายตา และยืดเส้นยืดสายบ้าง ฟังดูง่าย แต่ทำยากมากสำหรับผู้บริโภคในยุคดิจิตอล
เว็บไซต์ arip
Credit : fwdder.com
9 เทคนิคการฝึกสมองให้เฉียมคมอยู่เสมอ
1. จิบน้ำบ่อย ๆ (Drink water very
often)
สมองประกอบด้วยน้ำ 85 % เชลล์สมองก็เหมือน ต้น ไม้ที่ต้องการน้ำหล่อเลี้ยง
ถ้าไม่มีน้ำ ต้น ไม้ก็เหี่ยว
ถ้าไม่อยากให้เชลล์สมองเหี่ยว ซึ่งส่งผลให้การส่งข้อมูลช้า
กลายเป็นคนคิดช้าหรือคิดไม่ค่อยออก แต่ละ
วันจึงควรดื่มน้ำบ่อย ๆ
2. กินไขมันดี (enjoy taking fish-oil, Omega 3)
คนไม่ค่อยรู้ว่าสมองคือก้อนไขมัน ซึ่งจำเป็นต้องมีไขมันดีไปทดแทนส่วนที่สึกหรอ
แนะนำให้กินไขมันดี
ระหว่างวัน จำพวกน้ำมันปลา สารสกัดใบแปะก๊วย
ปลาที่มีไขมันดีอย่าง ปลาแซลมอน นมถั่วเหลือง
วิตามินรวม น้ำมันพริมโรสเป็นน้ำมันดี
ที่ทำให้เชลล์ชุ่มน้ำ ส่วนวิตามินซีกินแล้วสดชื่น
3. นั่งสมาธิวันละ 12 นาที (Meditation
12 min a day)
หลังจากตื่นนอนแล้ว ให้ตั้งสติและนั่งสมาธิทุกเช้า
วันละ 12 นาที เพื่อให้สมองเข้าสู่ช่วงที่มีคลื่น
Theta
ซึ่งเป็นคลื่นที่ผ่อนคลายสุด ๆ ทำให้สมองมี
Mental Imagery สามารถจินตนาการเห็นภาพและมีความคิ
ดสร้างสรรค์ ( ถ้าทำไม่ได้ตอนเช้า ) ให้หัดทำก่อนนอนทุกวัน
4. ใส่ความตั้งใจ (Program the brain: have specific
intention)
การตั้งใจในสิ่งใดก็ตาม เหมือนการโปรแกรมสมองว่านี่คือสิ่งที่ต้องเกิด
ระหว่างวันสมองจะปรับ
พฤติกรรมเราให้ไปสู่เป้าหมายนั้น ทำให้ประสบความสำเร็จในสิ่งต่าง
ๆ เพราะสมองไม่แยกระหว่างสิ่ง
ที่ทำจริงกับสิ่งที่คิดขึ้น ทั้งสองอย่างจึงเป็นเสมือนสิ่งเดียวกัน
5. หัวเราะและยิ้มบ่อย ๆ (Laugh and Smile)
ทุกครั้งที่ยิ้มหรือหัวเราะ จะมีสารเอ็นโดรฟิน
ซึ่งเป็นสารแห่งความสุข หลั่งออกมาเท่ากับเป็นการกระตุ้น
ให้มีความอยากรักและหวังดี ต่อ คนอื่นไปเรื่อยๆ
6. เรียนรู้สิ่งใหม่ทุกวัน (Learn new
thing everyday)
สิ่งใหม่ในที่นี้หมายถึง สิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน
เช่น กินอาหารร้านใหม่ ๆ รู้จักเพื่อนใหม่
อ่านหนังสือเล่มใหม่ คุยกับเพื่อนร่วมงานและเรียนรู้วิธีการทำงานของเขา
เป็น ต้น เพราะการเรียนรู้สิ่ง
ใหม่ทำให้สมองหลั่งสารเอ็นโดรฟิน และโดปามีน
ซึ่งเป็นสารแห่งการเรียนรู้ กระตุ้นให้อยากเรียนรู้และ
สร้างสรรค์ ไปเรื่อย ๆ เมื่อมีความสุขก็ทำให้มีความคิดสร้างสรรค์
7. ให้อภัยตัวเองทุกวัน (Forgive yourself,
reduce brain stress)
ขณะที่การไม่ให้อภัยตัวเอง การโกรธคนอื่น
โกรธตัวเอง ทำให้เปลืองพลังงานสมอง การให้อภัยตัวเอง
ไม่เครียด เป็นการลดภาระของสมอง
8. เขียนบันทึก Graceful Journal (Write graceful
journal, good things in
life every day)
ฝึกเขียนขอบคุณสิ่งดี ๆ ที่เกิดขึ้นแต่ละวันลงในสมุดบันทึก
เช่น ขอบคุณที่มีครอบครัวที่ดี ขอบคุณที่มีสุขภาพที่
ดี ขอบคุณที่มีอาชีพที่ทำให้มีความสุข
เป็น ต้น เพราะการเขียนเรื่องดี ๆ ทำให้สมองคิดเชิงบวก
พร้อมกับ
หลั่งสารเคมีที่ดีออกมา ช่วยให้หลับฝันดี
ตื่นมาทำสมาธิได้ง่าย มีความคิดสร้างสรรค์
9. ฝึกการสูดหายใจลึก ๆบ่อย ๆ
สมองใช้ออกชิเจน 20 25 % ของออกชิเจนที่เข้าสู่ร่างกาย
การฝึกหายใจเข้าลึก ๆ จึงเป็นการส่งพลัง
งานที่ดีไปยังสมอง ควรนั่งหลังตรงเพื่อให้ออกชิเจนเข้าสู่ร่างกายได้มากขึ้น
ถ้านั่งทำงานนาน ๆ อาจหา
เวลายืนหรือเดินยึดเส้นยืดสายเพื่อให้ปอดขยายใหญ่
สามารถหายใจเอาออกชิเจนเข้าปอดได้เพิ่มขึ้นอีก 20 %
By นายภูมิภัทร จิตติเลิศวุฒิ (หนุ่ม) รหัสนักศึกษา 51040870
เทคนิคเรียนดี
1. อ่านหนังสือตอนเช้าๆ จะช่วยในการจดจำได้เยอะเพราะว่าตอนเช้าสมองของเราปลอดโปร่ง ถ้าเทียบกับตอนเย็น หรือตอนดึกๆ เนื่องจากสมองของเราผ่านอะไรมามากมายแล้ว สู้รบปรบมือกันมาทั้งวัน
2. รู้มั้ยว่า การยืนอ่านหนังสือ ช่วยในการจดจำมากกว่า การนั่งอ่านหนังสืออีกนะจะบอกให้แล้วอีกอย่างช่วยกัน การหลับคาหนังสืออีกด้วย
3. การจดโน๊ต ให้ดูสะอาดตาสวยงาม จะเป็นสิ่งดีมากๆ เนื่องจากลายมือที่สวยและเป็นระเบียบ จะช่วยในการจดจำได้เป็นอย่างดีเลยหล่ะ ถ้าบอกแบบนี้ เราควรใช้กระดาษสีขาว และปากกาหมึกสีดำ ช่วยให้อักษรมีความชัดเจน และมีพลังเยี่ยมยอดเมื่อบวกกับสีขาวในกระดาษที่เป็นช่องว่างอยู่ การเรียบเรียงตัวอักษร เราควรที่จะจดแบบให้มีการเคลื่อนไหว แทนที่จะจดแบบแนวนอน เรียงยาวแบบธรรมดาๆ ก็คือการจดแบบเป็นกลอน แทนที่จะจดให้มันเป็นพรืดยาว จนเอียน การจดแบบนี้ ทำให้เมื่อยสายตา เพราะเราต้องใช้สายตากวาดทอดยาวไป ทำให้เมื่อยล้าสายตาอย่างยิ่ง ทำให้เลิกอ่านกันไปดื้อๆแต่การที่เราจดแบบกลอน มันช่วยให้สายตาของเราไม่ล้า ทำให้เราอ่านหนังสือได้มากขึ้น และจำได้รวดเร็วกว่าเดิม ไม่ต้องมาอ่านซ้ำหลายๆ รอบเหมือนแต่ก่อน
4. การจดอีกแบบนึง ก็คือ การจดแบบ mind mapping การจดแบบนี้ หลายๆ คนคงจะคุ้นเคยกันดี คือ การ มีคีย์เวิร์ดชื่อเรื่องไว้ตรงกลาง แล้วแตกสาขากิ่งก้านหัวข้อย่อยๆ ออกมา ขอย้ำนิดนึงว่า ควรจะใช้คำสั้นๆ ที่สำคัญๆ เพื่อง่ายต่อการจดจำ และไม่น่าเบื่อ
5. การเรียนแบบจับคู่ ควรที่จะมีคู่หู 1 คนในการเรียนเพื่อแชร์ความรู้ที่แต่ละคนได้มา และโต้เถียงความรู้กันอยู่บ่อยๆ ซึ่งวิธีนี้ก็ได้ผลดีเช่นกัน ทำให้การเรียนมีสีสัน และเกิดความตื่นตัวอีกด้วย
6. การอ่านหนังสือเสียงดัง หรือโยกตัว โยกขา การอ่านแบบมีจังหวะจะโคน ช่วยในการจดจำด้วย เพราะว่าเราได้ใช้ประสาทสัมผัสส่วนต่างๆ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : http://www.phraepao.go.th
By นายภูมิภัทร จิตติเลิศวุฒิ (หนุ่ม) รหัสนักศึกษา 51040870
10 อันดับอาชีพทำเงินเกิดใหม่
ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence : AI)
ปัญญาประดิษฐ์ มีความหมายถึง การสร้าง เครื่องจักร ให้สามารถ ทำงาน ได้เหมือนคน ที่ใช้ปัญญา หรืออาจ กล่าวได้ว่า เป็นการ ประดิษฐ์ปัญญา ให้คอมพิวเตอร์ เพื่อให้ คอมพิวเตอร์ สามารถจำลอง การทำงานต่างๆ เลียนแบบ พฤติกรรม ของคน โดยเน้นแนวคิด ตามแบบ สมองมนุษย์ ที่มีการวาง แผนการเรียนรู้ การให้เหตุผล การตัดสินใจ การแก้ปัญหา ตลอดจน การเลือกแนวทาง ดำเนินการใน ลักษณะคล้ายมนุษย์
ความรู้ ทางด้าน ปัญญาประดิษฐ์ จึงรวมไปถึง การสร้างระบบ ที่ทำให้ คอมพิวเตอร์ สามารถ มองเห็น และจำแนกรูปภาพ หรือสิ่งต่างๆ ออกจากกัน ในด้าน การฟังเสียง ก็รับรู้ และแยกแยะเสียง และจดจำ คำพูด และเสียงต่างๆ ได้ การสัมผัส และรับรู้ข้อมูล ข่าวสาร จะต้องมี กระบวนการ เก็บความรอบรู้ การถ่ายทอด การแปลความ และการนำเอา ความรู้มา ใช้ประโยชน์
หากให้ คอมพิวเตอร์ รับรู้ข่าวสาร และเหตุการณ์ ต่างๆ แล้ว ก็สามารถ นำเอา ความรู้ต่างๆ เหล่านั้น มาประมวลผล ได้ ก็จะ มีประโยชน์ได้มาก เช่น ถ้าให้ คอมพิวเตอร์ มีข้อมูล เกี่ยวกับคำศัพท์ มีความเข้าใจ ในเรื่องประโยค และความหมายแล้ว สามารถ ประมวลผล เข้าใจประโยค ที่รับเข้าไป การประมวลผล ภาษาในลักษณะ นี้จึงเรียกว่า การประมวลผล ภาษาธรรมชาติ โดยจุดมุ่งหมาย ที่จะทำให้ คอมพิวเตอร์ มีความสามารถ ในการใช้ภาษา เข้าใจภาษา และนำไปประยุกต์ งานด้านต่างๆ เช่น การตรวจสอบ ตัวสะกดใน โปรแกรมประมวลคำ ตรวจสอบการ ใช้ประโยคที่กำกวม ตรวจสอบ ไวยากรณ์ ที่อาจผิดพลาด และหากมี ความสามารถ ดีก็จะนำไปใช้ ในเรื่อง การแปลภาษาได้
ปัญญาประดิษฐ์ จึงเป็นเรื่องที่ นักวิจัย ได้พยายาม ดำเนินการ และสร้างรากฐาน ไว้สำหรับอนาคต มีการคิดค้น หลักการ ทฤษฎี และวิธีการต่างๆ เพื่อทำให้ คอมพิวเตอร์ สามารถทำงาน อย่างมีเหตุผล มีการพัฒนา โครงสร้างฐาน ความรอบรู้
ปัญญาประดิษฐ์ เป็นวิชาการ ที่มีหลักการต่างๆ มากมาย และมีการนำออกไป ใช้บ้างแล้ว เช่น การแทน ความรอบรู้ ด้วยโครงสร้าง ข้อมูล ลักษณะพิเศษ การคิดหาเหตุผล เพื่อนำข้อสรุป ไปใช้งาน การค้นหา เปรียบเทียบ รูปแบบ ตลอดจน กระบวนการเรียนรู้ ที่เป็นประโยชน์ อย่างมีขั้นตอน เพื่อให้ เครื่องคอมพิวเตอร์ สะสมความรู้ได้เอง
หลักการ 5G คืออะไร
หลักการ 3G + หลักการทางทฤษฎีและระเบียบกฎเกณฑ์
หลักการ 3G เป็นคำศัพท์ที่มีการใช้กันอย่างแพร่หลายในหลายสาขาของอุตสาหกรรมการผลิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการควบคุมบริหารการผลิตหลักการ 3G นี้ มาจากศัพท์ 3 คำในภาษาญี่ปุ่น โดยมีความหมายว่า จงไปที่พื้นที่จริง (GENBA) ไปดูของจริง( GENBUTSU ) และ สถานการณ์จริง (GENJITSU) ความหมายแฝงของหลักการ 3G คือ การที่เรานั่งทำงานอยู่บนโต๊ะเพียงอย่างเดียว จะทำให้เราไม่สามารถมองเห็นหรือทราบถึงความเป็นจริงได้ ดังนั้น เราควรจะเข้าไปในพื้นที่ที่เกิดปัญหา ใช้สายตาของตนมองปัญหาที่เกิดขึ้น วิเคราะห์ข้อมูลจากสภาพแวดล้อมและความเป็นจริงที่ได้รับทราบ แล้วจึงค่อยตัดสินใจแก้ไขปัญหา ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่สำคัญมาก
จากการนำเอาหลักการ 3G ดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น ซึ่งประกอบไปด้วย พื้นที่จริง ของจริง และประสบการณ์จริง มารวมกับ สิ่งที่ควรเป็นมาตรฐานในการตัดสินใจอีก 2 ประการ มาเพิ่มเติมเข้าไป นั่นคือ หลักการทางทฤษฎี( GENRI ) และ ระเบียบกฎเกณฑ์ (GENSOKU) ทำให้เกิดหลังการ 5G ขึ้นมา
คงจะต้องอธิบายว่า ทำไมจึงนำเอา หลักการทางทฤษฎี และ ระเบียบกฎเกณฑ์ มารวมกับ พื้นที่จริง ของจริง
และ สถานการณ์จริงในการปฏิบัติงาน ทำให้เป็นหลักการ 5G ขึ้นมา เหตุผลก็คือ มีคนจำนวนมากที่นำเอาหลักการ 3G ไปใช้ปฏิบัติจริง หากแต่ยังขาดหลักการและทฤษฎีอยู่ เป็นเพราะหลักการ 3G นี้ มิได้รวมเอาสิ่งที่ควรเป็นมาตรฐานในการตัดสินใจเข้าไปด้วย ตามปรกติแล้วคนที่มีความคิด จะมีการตัดสินใจจากประสบการณ์ที่ตงเองเคยผ่านมา หากแต่มันขาดหลักการทางกฤษฎีและระเบียบเกณฑ์ ทำให้การตัดสินใจนั้นเกิดความเคยชิน และรวดเร็ว ถึงแม้จะเป็นคนที่มีการตัดสินใจดีและรวดเร็วเพียงใดก็ตามแต่หากสิ่งนั้นไม่ได้เป็นไปตามหลักการทางทฤษฎ
ีและระเบียบเกณฑ์แล้ว การตัดสินใจนั้นก็ไม่อาจจัดได้ว่าเป็นสิ่งที่เหมาะสมได้
สำหรับการแก้ไขปัญหาในเรื่องการปฏิบัติงาน ก็มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องปฏิบัติตามหลักการ 3G แต่ในขณะเดียวกันก็จะต้องมีการสังเกต พิจารณาถึงตัวปัญหาได้อย่างละเอียดถี่ถ้วน หมายความว่า การปฏิบัติตามหลักการ 3G ให้ได้ประโยชน์สมบูรณ์นั้น จำเป็นต้องมีหลักการทางทฤษฎี และระเบียบเกณฑ์สนับสนุนอยู่เบื้องหลังด้วย
3G = พื้นที่จริง (GENBA) ของจริง( GENGUTSU )
สถานการณ์จริง( GENJITSU )
2G = หลักการทางทฤษฎี( GENRI ) ระเบียบกฎเกณฑ์( GENSOKU )
หลักการ 5G = ( พื้นที่จริง + ของจริง + สถานการณ์จริง )
( หลักการทางทฤษฎี + ระเบียบเกณฑ์ )
หลักการ 3G : จะต้องไปที่พื้นที่จริงที่เกิดปัญหา
ดูของจริงและคิดถึงสถานการณ์ จริง ณ จุดปฏิบัตินั้นๆ
หลักการทางทฤษฎี : หลักการ หรือ ทฤษฎีพื้นฐานที่สามารถอธิบายเหตุการณ์ต่างๆได้
ระเบียบกฎเกณฑ์ : ระเบียบข้อบังคับพื้นฐาน หรือ หลักเทคโนโลยีที่มีการเปลี่ยนแปลง
ตามกาลเวลา
By นายภูมิภัทร จิตติเลิศวุฒิ (หนุ่ม) รหัสนักศึกษา 51040870
วันศุกร์ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2554
Facebook ใส่ฟีเจอร์แปลภาษาลงใน Newsfeed แล้ว
| |||
| |||
|
วันพฤหัสบดีที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2554
AIS EDGE AIRCARD ออกแอร์การ์ดรุ่นใหม่ ออนไลน์ฟรี 50 ชั่วโมง
เมื่อเร็วๆ นี้ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส ประกาศเปิดตัวผลิตภัณฑ์แอร์การ์ดรุ่นล่าสุด “AIS EDGE AIRCARD” มาพร้อม One-2-call! Net SIM ใช้งานอินเทอร์เน็ตได้ฟรี 50 ชั่วโมง นาน 1 เดือน บนเครือข่าย AIS EDGE/GPRS ทั่วประเทศ
ผ่านรูปแบบ Plug&Play สามารถใช้งานได้ทันทีเมื่อแกะกล่อง โดยภายหลังหมดโปรโมชัน ผู้ใช้สามารถใช้บริการอินเทอร์เน็ตนาน 50 ชั่วโมง คิดส่วนเกินนาทีละ 50 สตางค์ และจ่ายค่าบริการ 149 บาทต่อเดือน ทั้งนี้ ผู้สนใจสามารถซื้อ AIS EDGE AIRCARD ได้ตั้งแต่วันนี้ที่เอไอเอส ช็อป , ร้านเทเลวิซ และร้านค้าไอทีชั้นนำทั่วประเทศ ในราคา 1,090 บาท
สบท.เผยแก๊งค์ต้มตุ๋นใช้มุขใหม่ ลวงผู้ใช้โทรศัพท์ผ่านเอทีเอ็ม
เมื่อเร็วๆ นี้ นายประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา ผู้อำนวยการสถาบันคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม (สบท.) กล่าวว่า ขณะนี้มีกลุ่มมิจฉาชีพทางโทรศัพท์มือถือได้เปลี่ยนกลยุทธ์ในการหลอกลวงผู้บริโภค จากเดิมที่ใช้ข้ออ้างประเภทถูกรางวัล เป็นหนี้บัตรเครดิต เป็นหนี้ธนาคาร เพื่อหลอกให้ผู้รับโทรศัพท์ไปที่ตู้เอทีเอ็มและกดโอนเงินให้กับกลุ่มมิจฉาชีพนั้น ล่าสุดกลุ่มมิจฉาชีพได้ใช้ข้ออ้างใหม่เกี่ยวกับการใช้บริการโทรคมนาคม เช่น การแนะนำให้เปลี่ยนมาใช้โปรโมชั่นมือถือใหม่ที่เหมาะสมกับวัยหรือพฤติกรรมการชำระหนี้ค่าโทรศัพท์ โดยมีส่วนลดให้ ทั้งนี้ ไม่ว่าจะอ้างเหตุผลใด แต่สิ่งที่เหมือนกัน คือ การหลอกล่อให้เหยื่อไปที่ตู้เอทีเอ็มเพื่อกดรหัสต่างๆ อันส่งผลในการโอนเงินให้แก่ผู้ที่โทรมา ที่ความจริงเป็นเพียงการกดโอนเงินให้กับผู้ที่โทรมา
แม้ประเด็นการอ้างจะแตกต่างออกไป แต่วิธีการทั้งหมดและเป้าหมายนั้นไม่ต่างจากกรณีที่เป็นข่าวก่อนหน้านี้ อาทิ กรณีที่อ้างว่าโทรมาจากธนาคาร บอกว่าข้อมูลของคุณถูกเจาะระบบขอให้ไปแก้ไขข้อมูลที่ตู้เอทีเอ็ม ผลที่สุดคือมีการโอนเงินออกไปกว่าแสนบาท โดยที่เหยื่อของการหลอกลวงเหล่านี้มีทั้งผู้มีความรู้และฐานะสูง เช่น ทันตแพทย์ ผู้พิพากษา เป็นต้น สะท้อนว่าผู้โทรเข้ามาย่อมมีความสามารถในการสร้างเรื่องได้สมจริงอย่างยิ่ง
นายประวิทย์ กล่าวต่อว่า เทคนิคการหลอกลวงในเรื่องนี้ จะมี 2 แนวทาง คือ ทางหนึ่งอาศัยความโลภ เช่น บอกว่า ถูกรางวัล แต่ต้องไปจ่ายภาษีก่อน หรือจะรับเงินภาษีคืนต้องไปรับคืนที่ตู้เอทีเอ็ม เป็นต้น แต่วิธีการเหล่านี้คนเริ่มรู้ทันมากขึ้น ทางที่สองจึงอาศัยความกลัว เช่น บอกว่าคุณเป็นหนี้บัตรเครดิต ข้อมูลกำลังถูกเจาะ หรือต้องเปลี่ยนโปรโมชั่นมือถือ เพราะที่ใช้เดิมจะยกเลิกแล้ว เดี๋ยวค่าใช้จ่ายจะพุ่งสูงขึ้น เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม เพื่อให้ผู้รับสายกลัวจนต้องไปแก้ไขข้อมูลที่ตู้เอทีเอ็ม สำหรับลักษณะของเบอร์โทรเข้าของกลุ่มมิจฉาชีพนี้ ส่วนใหญ่จะใช้คำว่า เป็นเบอร์ส่วนตัว (private number) หรือ no caller id หรือบางครั้งบอกตัวเลขเพียง 2 หลักแรกที่เหลือเป็นตัวเลขแปลกๆ เช่น ขึ้นต้นด้วยตัวเลขที่ไม่ใช่ 0 นำหน้า หรือเป็นเบอร์ที่โทรผ่านอินเทอร์เน็ตด้วยระบบ voip ซึ่งจะขึ้นต้นด้วย 06 หรือมีเครื่องหมาย + นำหน้าเหมือนโทรจากต่างประเทศ เป็นต้น หากมีสายโทรเข้าที่ปรากฏข้อความหรือเลขแปลกๆ ดังกล่าว ก็ควรจะตั้งหลักระมัดระวังไว้ชั้นหนึ่งก่อน สิ่งที่สำคัญกว่าคือ สิ่งที่ผู้โทรเข้านำมาบอกกล่าว หากเป็นการพูดคุยเพื่อให้ไปทำธุรกรรมที่ตู้เอทีเอ็ม หรือเพื่อกดรหัสต่างๆ แล้ว ขออย่าได้ดำเนินการตาม เพราะไม่ว่าจะเป็นการทำธุรกรรมใดย่อมมีช่องทางอื่นๆ ให้ทำได้
“ไม่ว่าจะมีบุคคลที่อ้างตัวว่าเป็นหน่วยงาน องค์กร หรือธุรกิจใด โทรมาเพื่อให้ผู้บริโภคไปทำธุรกรรมต่างๆ ผ่านตู้เอทีเอ็ม ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม ทางที่ดีคืออย่าได้ทำตามเลยครับ ถ้าเรื่องที่กล่าวอ้างฟังดูมีมูล เราค่อยเป็นฝ่ายติดต่อกลับไปยังหน่วยงานเหล่านั้นเองจะดีกว่า” นายประวิทย์ กล่าว
เตือนผู้ใช้ ‘สไกป์’ เวอร์ชันเก่า หลงกลโจรออนไลน์
เทรนด์ ไมโคร เตือนผู้ใช้สไกป์ ระวังภัยอาชญากรไซเบอร์ก่อภัยคุกคาม เผยตรวจพบช่องโหว่ตั้งแต่ต.ค.52 แต่ยังพบเหยื่อถูกหลอกจำนวนมาก แนะอย่าตอบกลับข้อความหรือลิงก์ไม่น่าไว้ใจ…
เมื่อเร็วๆ นี้ รายงานล่าสุดจากศูนย์วิจัยเทรนด์แล็ปส์ บริษัท เทรนด์ ไมโคร เปิดเผยว่า พบภัยคุกคามจากช่องโหว่ภายในโปรแกรมสไกป์ (Skype) โดยมีอายุนานหลายเดือนและกำลังถูกอาชญากรไซเบอร์นำมาหาประโยชน์ จากการโจมตีที่ชื่อ EasyBits Extras Manager โดยช่องโหว่ดังกล่าวถูกตรวจพบและแก้ไขตั้งแต่เดือนต.ค.2552 แล้ว แต่ยังคงมีผู้ใช้จำนวนบางส่วนใช้งานเวอร์ชันเก่า ทำให้ช่องโหว่ดังกล่าวยังคงปรากฎอยู่ ทั้งนี้ การโจมตีดังกล่าวจะมาในรูปแบบข้อความสแปมผ่านทางไอเอ็ม (Spam over IM: SPIM) โดยจะมีลิงก์ให้ดาวน์โหลดไฟล์ที่เป็นอันตราย รวมถึงมัลแวร์สายพันธุ์ ZBOT ที่จะขโมยข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ โดยเฉพาะข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมออนไลน์
นายลูซิฟ คารูนิ นักวิจัยอาวุโสด้านภัยคุกคาม บริษัท เทรนด์ ไมโคร กล่าวว่า การโจมตีดังกล่าวไม่ใช่ครั้งแรกที่สไกป์ตกเป็นเป้าหมายและถูกใช้แพร่ระบาดมัลแวร์หลายตระกูล รวมถึง KOOBFACE และ PALEVO สายพันธุ์ล่าสุด เนื่องจากอาชญากรไซเบอร์นิยมเลือกใช้ช่องโหว่ในแอพพลิเคชันและโปรแกรมที่ได้รับความนิยม เพื่อล่อลวงผู้ใช้ที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ ทั้งนี้ หากมีข้อความที่ต้องการให้ตอบกลับ ผู้ใช้ไม่ควรดาวน์โหลดไฟล์หรือคลิกลิงก์ดังกล่าว นอกจากนี้ ยังควรอัพเดทแอพพลิเคชันการใช้งานให้ทันสมัยอีกด้วย
จากสถานการณ์ดังกล่าว บริษัทฯ สามารถป้องกันได้ด้วย สมาร์ท โพรเท็คชั่น เน็ตเวิร์ค โครงสร้างพื้นฐานการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลบนระบบคลาวด์ คอมพิวติ้งของเทรนด์ ไมโคร ช่วยให้ผู้ใช้งานได้รับการป้องกันจากภัยคุกคามดังกล่าวได้เป็นเวลานานหลายเดือน จากบริการตรวจสอบประวัติไฟล์ ช่วยปิดกั้นการดำเนินการที่จะเป็นอันตรายต่อระบบ รวมถึง URL ที่เป็นอันตรายและเกี่ยวข้องกับการโจมตี ที่จะถูกบล็อกจากบริการตรวจสอบประวัติเว็บไซต์